ข่าว

อัยการ นำตัว อดีตผอ.สำนักพุทธฯฝากขัง คดีทุจริตฯเงินทอนวัด

อัยการ นำตัว อดีตผอ.สำนักพุทธฯฝากขัง คดีทุจริตฯเงินทอนวัด

29 ก.ย. 2568

อัยการปราบทุจริตภ. 7 นำตัว "นพรัตน์" อดีต ผ.อ.สำนักพุทธฯ ฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตฯ ในคดีทุจริตฯเงินทอนวัดพนัญเชิงและอีก 65 วัดชายเเดนใต้ ศาลค้านประกันหวั่นหลบหนี

29 ก.ย. 2568 นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะผู้ประสานงานกลางตาม พรบ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 ได้ดำเนินการรับตัวผู้ร้ายข้ามแดนราย นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผ.อ.สำนักพุทธฯ ผู้ถูกกล่าวหา อันเป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ที่ จ.72/2566 ลงวันที่ 28 พ.ย. 2566 และหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ที่ จ.24/2566 ลงวันที่ 13 มิ.ย. 2566

 

ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ของรัฐ  โดยถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินอุดหนุนเพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัดพนัญเชิงวรวิหารและวัดอื่นๆ อีกกว่า 65 แห่ง ซึ่งได้หลบหนีไปสหรัฐอเมริกา เพื่อนำกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2568 ที่ผ่านมา

ต่อมาเวลา 09.30 น. พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7 ได้นำตัว นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้ถูกกล่าวหา ไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 147, 151 และ 157 ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ที่ จ.72/2566 ลงวันที่ 28 พ.ย. 2566 (คดีวัดพนัญเชิงวรวิหาร) เป็นคดีหมายเลขดำที่ อท 162/2568 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 

 

ในส่วนของการกระทำความผิดตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ที่ จ.24/2566 ลงวันที่ 13 มิ.ย. 2566 (วัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 65 วัด) 

 

เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับคดีหมายเลขดำที่ อท 110 /2566 คดีหมายเลขแดงที่ อท 76/2567 และคดีหมายเลขดำที่ อท 133/2566 คดีหมายเลขแดงที่ อท 125/2567 ของศาลนี้ และศาลได้มีคำพิพากษาในทั้งสองคดีดังกล่าวแล้ว
 

จึงมีรายละเอียดและเอกสารพยานหลักฐานเป็นจำนวนมาก จำเป็นต้องใช้เวลาในการตรวจสอบและเรียบเรียงฟ้องให้ถูกต้องครบถ้วนตามข้อเท็จจริง โดยจะต้องตรวจสอบว่าความผิดฐานใดที่เกี่ยวข้องกับผู้ถูกกล่าวหาขาดอายุความบ้างหรือไม่เป็นรายกรรมไป หากมีความผิดฐานใดที่ขาดอายุความหรือมีข้อเท็จจริงใดเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ก็จะต้องเสนอสำนวนตามลำดับชั้นถึงอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาอีกครั้งก่อนยื่นฟ้องคดี 

 

ในวันนี้ พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7 จึงยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ถูกกล่าวหา (ครั้งที่ 1) มีกำหนด 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย.- 10ต.ค. 2568 

 

ทั้งนี้ เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงและจำนวนเงินที่ผู้ถูกกล่าวหากับพวกร่วมกันเบียดบังเงินของรัฐไปเป็นของตนเป็นจำนวนมาก พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรง ประกอบกับภายหลังก่อเหตุผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์หลบหนีไปยังสหรัฐอเมริกา ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐติดตามตัวผู้ถูกกล่าวมาดำเนินคดีได้โดยยาก และเป็นบุคคลที่ได้มีการร้องขอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับมายังประเทศไทยเพื่อนำมาดำเนินคดี หากปล่อยตัวไปเกรงว่าผู้ถูกกล่าวหาจะหลบหนีอีก พนักงานอัยการจึงได้คัดค้านการขอปล่อยตัวชั่วคราวไว้แล้วทั้งสองคดี