
"ผบ.กกล.บูรพา" ลงพื้นที่ชายแดน "ผู้ว่าฯสระแก้ว" ประกาศไม่คุยเขมรแล้ว
"ผบ.กกล.บูรพา" ลงพื้นที่ชายแดนสระแก้ว เตรียมพร้อม 3 ฝ่ายลุยหากเกิดสถานการณ์ตึงเครียด ขณะที่ "ผู้ว่าฯสระแก้ว" ลั่นไม่คุยเขมรระดับจังหวัด เจอกันเวที GBC
24 ก.ย. 2568 พลตรีเบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา พร้อมด้วย นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และ พลตำรวจตรี ถาวร ดุลยวิทย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว นำคณะลงพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เพื่อติดตามสถานการณ์และตรวจความพร้อมของหน่วยปฏิบัติการชายแดน และให้กำลังใจกำลังพล 3 ฝ่าย ทั้งทหาร ตำรวจ อส.
นอกจากนี้ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานร่วมกัน ณ จุดตรวจ ส.40 และติดตามความก้าวหน้าการก่อสร้างถนนเพื่อความมั่นคง รวมถึงการสร้างบังเกอร์กันจอมพลัง ที่เสริมระบบป้องกันภัย เพิ่มขีดความสามารถในการดูแลพื้นที่ชายแดนอย่างมั่นคงแข็งแรง
ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา ระบุว่า ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่ามันจะแรงเมื่อไหร่ แต่ตอนนี้เรามีความพร้อมในการบังคับใช้กฎหมาย ต้องเตรียมความพร้อม 3 ฝ่าย คือ ทหาร ตำรวจ ปกครอง เพื่อความเชื่อมั่นในการปฏิบัติ ถ้าหากต้องปฏิบัติ ซึ่งตนตอบไม่ได้ว่า เมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้น ทั้งหมดเป็นแผนเผชิญเหตุที่เรารองรับไว้อยู่แล้ว
ผมทราบความเข้าใจของพี่น้องประชาชนทุก ๆ คน ทั้งในโลกโซเชียล ในโลกจริงอะไรต่าง ๆ ผมเข้าใจหมด เข้าใจหัวอกพี่น้องคนไทยด้วยกัน ผมเป็นทหาร น้อง ๆ พวกผมเป็นทหาร ผมเข้าใจ แต่ทั้งหมดทั้งนี้ทั้งนั้น เอาเป็นว่า ผมมีความพร้อมในการปฏิบัตทันที ส่วนสถานการณ์ปัจจุบันตอนนี้คือ ต่างฝ่ายต่างคุมเชิงกัน ต่างคนต่างไม่ผลีผลาม
ผบ.กองกำลังบูรพา ฝากถึงสื่อมวลชน การที่ตนลงพื้นที่หรือผู้บังคับบัญชาลงมาในพื้นที่ต่างๆ มีสื่อมวลชนมาทำข่าว ไม่ได้ห้ามอยู่แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุด เช่น เมื่อสักครู่ ภาพบางอย่างเน้นย้ำเลยว่า อย่าหลุดออกไป มันล่อแหลมต่อฝ่ายตรงข้าม เพราะตนเชื่อมั่นว่า ฝ่ายตรงข้ามเค้าติดตามสื่อไทย บางอย่างที่ถามว่า ทำไมไม่เห็นหน้าเห็นตา ทำงานหรือเปล่า ซึ่งตนอำนวยการตลอดหรือ แม้กระทั่งเกิดเหตุการณ์หรือจะเกิดสถานการณ์ผู้บังคับบัญชาได้มอบหมายให้ตนชัดเจนว่า อย่างไรตนก็คือ ผู้บัญชาการเหตุการณ์ ทางผู้ว่าฯ ทางพี่ ๆ ตำรวจทุกคนก็ให้เกียรติทางทหารอยู่แล้ว ในฐานะที่ในพื้นที่ประกาศกฏอัยการศึก แต่วันนี้เรายังคงบังคับใช้กฏหมาย ซึ่งเรามีความพร้อมในการบังคับใช้กฎหมาย
ผู้ว่าฯสระแก้ว เปิดเผยในที่ประชุมที่ศาลากลางจังหวัดว่า ปัญหาพื้นที่พิพาทดังกล่าวได้ถูกยกระดับขึ้นสู่ระดับชาติแล้ว ย้ำชัดว่าจะไม่เข้าร่วมการประชุมตามที่ฝ่ายกัมพูชา ส่งหนังสือเชิญในวันที่ 25 ก.ย. นี้ หากไม่มีการจัดทำ "แผนอพยพประชาชนออกจากพื้นที่พิพาท" มาชี้แจงอย่างเป็นทางการ
ที่ผ่านมาแม้จะมีหนังสือเชิญและการพยายามติดต่อโดยตรงจากผู้ว่าฯ ฝั่งกัมพูชา แต่ไทยเลือกตอบกลับเฉพาะผ่านหนังสือราชการ เท่านั้น เพื่อป้องกันการสื่อสารคลาดเคลื่อนและปัญหาการบิดเบือนข้อมูล "ถ้าไม่มีการส่งแผนอพยพมาให้เรา ไม่ต้องมีการคุย ในระดับพื้นที่แล้วครับ ให้ไปหารือกันในเวทีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (GBC) แทน" ย้ำมาตรการที่ใช้ในปัจจุบันเป็นการประท้วงตามขั้นตอน ไม่ใช่การแข็งกร้าวเกินเหตุ
ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ สระแก้ว ยังตอบกระแสเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ใช้มาตรการรุนแรง เช่น การนำรถไถรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่พิพาท ว่าอาจทำให้ไทยเสียเปรียบในเวทีโลกและสุ่มเสี่ยงต่อการแพ้คดี ในศาลโลก ขณะเดียวกันได้เตรียมกำลังทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และกฎหมายคนเข้าเมืองไว้รองรับ หากพบการกระทำผิดกฎหมายใน
สำหรับกรณีที่สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เคยกล่าวว่า “แม้ปิดด่าน 100 ปี กัมพูชาก็ไม่ล่มสลาย” ผู้ว่าฯสระแก้ว ตอบเพียงสั้น ๆ ว่า “เป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา” ก่อนทิ้งท้ายว่า ประเด็นด้านเศรษฐกิจและการเปิด–ปิดด่าน เป็นเรื่อง ที่รัฐบาลทั้งสองประเทศ ต้องเจรจากันต่อไป