ดราม่า อินฟลูฯ กอดจูบ "พระอุเชนทร์" พระคู่บุญบารมี "พ่อท่านคล้าย"
ชาวนครฯไม่พอใจสิ่งนี้! อินฟลูเอ็นเซอร์ กอดจูบรูปสลักหิน "พระอุเชนทร์" พระคู่บุญบารมี "พ่อท่านคล้าย" ขณะอัญเชิญไปทำพิธีที่ กทม.
หลังเพจบิ๊กเกรียนมีการเผยแพร่ภาพในโซเชียล อินฟลูเอ็นเซอร์ชื่อดังหลายคนเข้าไปสัมผัสใกล้ชิดกับรูปสลักหิน "พระอุเชนทร์" อายุกว่า 1,600 ปี วัตถุโบราณชิ้นสำคัญ ซึ่งเป็นรูปเคารพที่ได้ชื่อว่าคู่บารมีของ "พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์" พระเถราจารย์รูปสำคัญของชาวนครศรีธรรมราช และเป็นเคารพศรัทธาไปทั่วประเทศ ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่วัดสวนขัน อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช
หลังจากมีการเผยแพร่ภาพนี้ได้สร้างความไม่สบายใจให้กับชาวนครศรีธรรมราช เนื่องจากพระอุเชนทร์องค์นี้ มีตำนานคู่กับพ่อท่านคล้าย โดยพ่อท่านคล้ายเป็นผู้ที่ไปประกอบพิธีตามแบบโบราณใช้สายมงคลคล้องมาจากหุบเขาแห่งหนึ่งใน อ.ช้างกลาง เมื่อหลายสิบปีก่อน และได้นำมาประดิษฐานที่วัดสวนขัน อ.ช้างกลาง จนกระทั่งพ่อท่านคล้ายได้มรณภาพ ปัจจุบันวัดสวนขันมี พระครูกิตติวิมล เป็นเจ้าอาวาส
เมื่อมีการตรวจสอบพบว่า พระอุเชนทร์ในภาพนั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2566 แต่เพิ่งมีการเปิดเผยภาพนี้ออกมา ส่วนพระอุเชนทร์ประดิษฐานอยู่บนชั้นสองของกุฏิพ่อท่านคล้าย มีการจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์อัฐบริขารของพ่อท่านคล้าย พระพุทธรูปโบราณ พระอุเชนทร์ที่อยู่ในตู้กระจกป้องกันการสัมผัสไว้เป็นอย่างดี
ผู้สื่อข่าวพยายามประสานงานเพื่อขอพบกับเจ้าอาวาส แต่พบว่าไม่อยู่ ติดกิจนิมนต์
ขณะที่พระสงฆ์และเจ้าหน้าที่ของวัดไม่ขอแสดงความคิดเห็น เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าอาวาส ระบุได้เพียงว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาได้ประมาณ 2 ปี มีการมาขออัญเชิญไปที่พิธีในสถานที่แห่งหนึ่งย่านบางบอน กทม. ผู้ที่เกี่ยวข้องมาอัญเชิญจากวัดไป จากนั้นเมื่อเสร็จพิธีได้มาส่งคืน ส่วนเจ้าอาวาสนั้นมีการขออนุญาตจากสำนักศิลปากรที่ 12 อย่างถูกต้อง
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวพยายามประสานกับเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรรายหนึ่ง ระบุว่า ยังไม่ทราบข้อมูลเรื่องนี้แต่โดยหลักการแล้วนั้น วัตถุโบราณสำคัญเช่นนี้ หากมีการเคลื่อนย้ายต้องมีการดำเนินการอย่างรัดกุม โดยปกติของผู้ที่มีความรู้นั้นหากจะสัมผัสจะต้องสวมถุงมือ เนื่องจากเหงื่อจากมือความชื้นหรือไขมัน จะส่งผลต่อพื้นผิวของวัตถุโบราณ
หากตามภาพนั้นถึงขั้นจูบด้วยปากนั้นถือว่า "ไม่ควรอย่างยิ่ง" เนื่องจากอาจมีน้ำลายที่สร้างความเสียหายให้ได้ โดยหากขึ้นทะเบียนแล้วจะต้องอยู่ภายใต้ พรบ.โบราณสถานและโบราณวัตถุ แต่กรณีนี้อาจดำเนินการโดยผู้ที่ไม่มีความรู้เพียงพอ
