ข่าว

เปิดใจ "บิ๊กเต่า" หน้าเสื่อร้องขอความเป็นธรรม แต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ

เปิดใจ "บิ๊กเต่า" หน้าเสื่อร้องขอความเป็นธรรม แต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ

26 ส.ค. 2568

"บิ๊กเต่า" เผย รับเป็นหน้าเสื่อร้องขอความเป็นธรรม มีผู้ร้องเข้ามาถูกตัดสิทธิ์พิจารณาแต่งตั้ง หวั่นตำรวจไฟแรงเสียขวัญกระทบงาน

หลังจาก พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. ยื่นหนังสือถึงนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรมพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจไม่เป็นธรรม

 

26 ส.ค. 2568 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยภายหลังเมื่อวานนี้ยื่นหนังสือถึงนายภูมิธรรมว่า ยังไม่ได้คุยกัน แต่ท่านได้บอกผ่านคณะทำงานมาว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ฉะนั้นความยุติธรรมความเป็นธรรมต้องเกิด และขอให้สบายใจได้

 

ทั้งนี้ในฐานะที่ดูแลเรื่องทุจริตประพฤติมิชอบ มีผู้เสียสิทธิ์จากการที่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ชุดเล็กพิจารณาให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของพ.ร.บ.ตำรวจ 2565 ในหมวดของความรู้ความสามารถ และลำดับอาวุโส เห็นว่าคนที่ได้และมาเปรียบเทียบกับอีกหลายคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังไม่มีความเหมาะสม ซึ่งผู้เสียสิทธิ์มาขอคำปรึกษาโอดครวญว่า จะทำยังไงให้กฎหมายเป็นกฎหมาย

ฉะนั้น ตนก็รับเป็นหน้าเสื่อในร้องขอความเป็นธรรม ที่ ก.ตร. ไปตัดหลักเกณฑ์การพิจารณาของผู้การฯ จาก 2 ปี เป็น 3-4 ปี ทำให้เป็นการตัดสิทธิ์ของผู้ที่ควรจะขึ้น ซึ่งมองว่าทำให้ตำรวจไม่ได้รับความเป็นธรรมและส่งผลถึงการปฎิบัติหน้าที่ ที่คุณตั้งใจทำงานกลับถูกตัดสิทธิ์ ทำให้ผลงานที่ออกมาอาจจะดีหรือไม่ดี แบบเช้าชามเย็นชาม

 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยัน สิ่งที่ตนเองเขียนไป เพราะอยากขอความเป็นธรรมจาก ก.ตร. ชุดใหญ่ รวมถึงนายภูมิธรรม  โปรดพิจารณาเจ้าหน้าที่ทุกนายที่หลักเกณฑ์ครบ ให้ได้พิสูจน์ตามข้อมูลหลักฐานที่ได้ส่งไป โดย พ.ร.บ.ตำรวจ 2565 มีการเปลี่ยนหลักเกณฑ์ หลังมีการลงความเห็นในที่ประชุมเมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา ให้สำรวจข้อมูลในการแต่งตั้งและแบบฟอร์มของผู้มีสิทธิ์ไปทำรายละเอียด รายละเอียดผลงานรวบรวมเป็นรูปเล่ม ทำให้มีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก 

 

แต่ในวันที่ 29 ก.ค. นั้น กลับมีหนังสือออกจากสำนักตำรวจแห่งชาติ ให้ชะลอหนังสือของ ผบ.ตร. ถึงการประเมินผลงาน และไม่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว จนทำให้ตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้ง เราไม่รู้ว่ามีความสามารถยังไง พร้อมยกตัวอย่างกรณีของ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. ที่อยู่ในตำแหน่งมา 3 ปี แต่ยังไม่ได้รับการพิจารณา ทั้งที่มีความสามารถ และมีผลงาน จึงอยากขอให้ความเป็นธรรมกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้บัญชาการหรือรองผู้บัญชาการ

ทุกคนทำงานก็หวังความเจริญก้าวหน้า ในชีวิตเพื่อขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติ แต่ในเมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความเป็นธรรมกับผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ได้ และผู้บังคับบัญชาจะเอาความเป็นธรรมให้พี่น้องประชาชนได้อย่างไร ฉะนั้นจะต้องพิจารณาในด้านคุณธรรมให้เป็นธรรมกับผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนให้ได้รับความเสมอภาค เพราะหากพิจารณาด้วยความเหมาะสมแล้วก็จะไม่เกิดเรื่องร้องเรียน

 

ส่วนวิธีการการประเมิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ มองว่า ไม่ควรตัดสิทธิ์ เพราะเป็นวิธีที่ผ่านการเห็นชอบมาแล้วไม่ควรยกเลิก ไม่ใช่อ้างว่าไม่มีเวลาสัมภาษณ์หรือไม่ทันกำหนด เพราะว่าวันที่ 29 - 31 ตุลาคม ทางกองบัญชาการต่างๆ เขาสัมภาษณ์มาหมดแล้ว เหลือแค่รองผู้บัญชาการที่จะเป็นผู้บัญชาการ 80 คน ตนเชื่อว่า ใช้เวลา 1 ถึง 3 วันก็เสร็จแล้ว มันไม่ใช่ข้ออ้าง และผลที่ได้จากการพิจารณากลั่นกรองมันไม่ชัดเจน 


เมื่อถามว่าการที่ออกมาเป็นหน้าเสื่อจะส่งผลกระทบต่ออนาคตตัวเองหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ถ้าเรากังวลมันก็จะเปลี่ยนแปลงระบบไม่ได้ ตนจะได้หรือไม่ได้ไม่ใช่เรื่อง แต่เป็นเรื่องที่ ก.ตร. ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ตนจึงร้องเรียนแทนทุกคนเพื่อผู้ใต้บังคับบัญชาจะได้มีขวัญและกำลังใจ ไม่ใช่ทำงานรอวันเกษียณ ซึ่งตั้งข้อสังเกตคนที่ใกล้เกษียณควรจะต้องพิจารณา เพราะเป็นคนที่พูดไม่รู้เรื่อง เวลาขอความร่วมมือหรือสั่งการอะไรก็ควรที่จะพิจารณา ส่วนคนที่อายุน้อยๆ อย่างรุ่นน้องของตนมีจำนวนมาก เป็นหนุ่มไฟแรงที่ตั้งใจทำงาน แต่ใช่ว่าคนที่ใกล้เกษียณจะทำงานไม่ดี มีหลายคนที่ทำงานได้ดี และมีหลายคนที่ต้องปรับปรุงอย่างมาก และเชื่อว่าการร้องครั้งนี้เป็นการกระตุกเตือนผู้บังคับบัญชา ย้อนกลับมาคิดว่าภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติควรจะเดินไปทางไหน ควรเดินไปในทางที่ชอบธรรม และเป็นธรรมเพื่อพี่น้องประชาชนหรือเดินในทางที่เป็นผลประโยชน์ส่วนตัวหรือเป็นระบบอุปถัมภ์ก็ขอให้พิจารณา