
เปิดจดหมายขอโทษ ก่อน อส.หื่น จ่อขมับหนีผิด หลังพยายามอนาจารเด็ก 15 ปี
อส.หื่น จ่อขมับหนีกลางวัด หวังหนีความผิด หลังถูกแจ้งความพยายามอนาจารเด็ก 15 ปี พร้อมทิ้งจดหมายขอโทษครอบครัว
23 ส.ค. 2568 เวลา 07.00 น. ร.ต.ท.วีระวุฒิ ศิริ พงส.สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งว่ามีผู้ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณสวนหย่อมภายในวัดใหญ่บางปลากด ซอยสุขสวัสดิ์ 100 หมู่ที่ 3 ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
ที่เกิดเหตุเข้าจากหน้าใหญ่วัดประมาณ 20 เมตร ด้านซ้ายมือซึ่งเป็นสวนย่อมพบผู้บาดเจ็บเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อภายหลัง นายอเนก อายุ 62 ปี นอนพิงกับพุ่มไม้หายใจรวยรินอาการสาหัส สวมชุดลายพรางทหารสะพายกระเป๋าสีดำ มีบาดแผลถูกยิงเข้าบริเวณขมับขวากระสุนฝังใน ข้างลำตัวพบอาวุธปืนขนาด.22 แบบไทยประดิษฐ์ตกอยู่ 1 กระบอกภายในพบปลอกกระสุนปืนคาลำกล้อง 1 นัด บริเวณพื้นถนนพบลูกกระสุนปืนขนาด.22 ตกอยู่ใกล้กันจำนวน 2 นัด ห่างกันเล็กน้อยพบขวดสุราเปล่าแบบแบนเล็กล้มกลิ้งอยู่ 2 ขวด เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง
ห่างกันเล็กน้อยพบรถจักรยานยนต์จอดอยู่ มีเสื้อวินสีฟ้า หมายเลข 85 วัดใหญ่-ภูมิใจวางอยู่บริเวณหน้ารถ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงปิดกั้นไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในที่เกิดเหตุ
จากการสอบถาม นายชนะโชติ ศรีกลับ อายุ 49 ปี พ่อค้าขายข้าวแกงแบบรถเข็นอยู่หน้าวัด เล่าว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 06.00 น. ในขณะที่ตนเข็นรถขายของมาตั้งบริเวณหน้าสวนย่อม เห็นผู้บาดเจ็บนอนหลับมีเสียงคล้ายนอนกรนและเห็นขวดเหล้าล้มอยู่ใกล้กันจำนวน 2 ขวด ครั้งแรกนึกว่าเมาหลับ แต่ไปเห็นว่ามีเลือดออกที่หัว จึงไม่กล้าทำอะไรมากจึงได้รีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ คาดว่าน่าจะถูกทำร้าย
กระทั่งตำรวจและกู้ภัยมาถึงจึงทราบว่า ผู้บาดเจ็บได้ยิงตัวเอง โดยทางเจาหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปค้นบ้านพัก ซึ่งเป็นบ้านเช่าภายในซอยร่วมพัฒนาซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร พบจดหมายลาตายของผู้บาดเจ็บเขียนทิ้งวางไว้ข้อความว่า
"นะ ตอนนี้ คำพูดไม่ดี ทำให้ตัวเองมีภัย เพราะฉะนั้นโทษตัวเอง รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขอโทษ ไก่ ด้วย แต่ไม่ทำใครเสียหาย ลาก่อนทุกคน เสียหาย ทั้งนี้ที่บอกว่าจับทุกอย่าง ที่แล้วมาไม่เป็นความจริงตลอดไป ใช้หนี้ครั้งนี้ด้วยชีวิต ลาก่อนทุกคน"
โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้สืบทราบภูมิประวัติการก่อเหตุเบื้องต้นทราบว่า เมื่อช่วงวันที่ 21 ส.ค. มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.อิสระ แสงสว่าง พงส.สภ.พระสมุทรเจดีย์ ว่ามีชายอายุประมาณ 60 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างหมายเลขเสื้อ 85 ได้รับลูกสาววัย 15 ปี จากหน้าโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งไปส่งบ้าน แต่ไปส่งไม่ถึงบ้านและยังชักชวนให้ไปบ้านของชายดังกล่าว แต่เด็กคนดังกล่าวได้ลงรถหนีมาได้ ก่อนแจ้งผู้ปกครองให้มาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้
ซึ่งทางครอบครัวผู้เสียหายได้โพสต์เพจเฟซบุ๊กใช้ชื่อ Charintip Yaw ระบุข้อความว่า "ลูกสาวเลิกเรียนแล้วได้โบกตาลุงคนนี้ ลุงคนนี้มีกลิ่นเหล้าด้วย ระหว่างทางลุงคนนี้ชวนลูกสาวไปบ้านลุง แต่ลูกสาวบอกว่าไม่ไปจะกลับบ้าน และได้ชวนลูกสาวไปที่บ้านถึง 2 ครั้ง ลูกสาวบอกให้เลี้ยวซ้ายหางบ้าน แต่ตาลงนี่ไม่ยอมเลี้ยวซ้าย มันบอกเลี้ยวขวาดีกว่า เพื่อที่จะให้เลยบ้านไป ลูกสาวขอลงจากรถแล้วจ่ายตังค์แล้วมันก็ขี่ตาม ลูกสาวเลยรีบเดินไปตรงร้านชานมที่คนเยอะๆมันถึงขี่รถไป... ตาลุงมีประวัติเรื่องแบบนี้มานานแล้ว คนเก่าแก่รู้หมด แต่ทำไมถึงยังมาวิ่งวินได้ #พาลูกสาวไปแจ้งความไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
และวันนี้ได้ตามเจอไอ้วินนี่แล้ว ตอนแรกปฎิเสธไม่ยอมรับโดนส้นตื่นไป...เลยยอมรับมับมันรับสารภาพ เอามันไปโรงพักแล้วตำรวจแจ้งว่าต้องรอร้อยเวรวันอังคาร เพื่อที่จะสอบปากคำอีก เพราะกฎหมายใหม่ออกมาให้คุ้มครองสิทธิ์ของผู้ต้องหา (ในระหว่างนี้ถ้าภายในวันอังคารมันไม่มามันหนีเดี๋ยวมึงเจอกู #ไม่ต้องรอแก่ตายเดี๋ยวมึงหลับแบบไม่ต้องตื่น ใครที่มีลูกมีหลานเรียนวัดใหม่/วัดใหญ่เคยขึ้นวินค้นนี้แล้วเจอพฤติกรรมแบบนี้พาลูกพาหลานไปแจ้งความไว้เลยคะ มันจะได้โดนหนักๆ ตอนนี้รอดำเนินคดีจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดให้ไปแก่ตายในคุก # ไม่มีคำว่าสงสารปล่อยไว้ก็เป็นอันตราย"
โดยทางผู้สื่อข่าวได้ติดต่อผู้ที่โพสต์ จนทราบว่า ผู้โพสต์คือ นางสาวทิพย์ (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี มารดาของน้อง มาย อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 2 โรงเรียนแห่งหนึ่ง เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ซึ่งหลังทราบเรื่องโทรศัพท์แจ้งสามีให้รีบกลับมาพร้อมไปแจ้งความที่ สภ.พระสมุทรเจดีย์
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนัดกันมาเจรจากันในวันอังคาร (26 ส.ค.) หลังที่แจ้งความเสร็จตนและสามีได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกตามหาชายคนดังกล่าว เพื่อพูดคุย จนมาพบกันที่ภายในวัดใหม่บางปลากด พร้อมลงไปพูดคุยแต่ชายคนดังกล่าวพยายามปฎิเสธว่าไม่ได้ทำ แต่สามีห้ามอารมณ์ไม่ไหว ใส่ไปหลายครั้ง จนชายคนดังกล่าวรับสารภาพว่า เป็นคนก่อเหตุจริง
จนกระทั่งมาทราบข่าวจากเพื่อนว่า มีคนขี่วินยิงตัวเองภายในวัดใหญ่และมีเสื้อวินเบอร์เดียวกันที่ตนไปแจ้งว่าแขวนอยู่ จึงรีบเดินทางมาดูและยืนยันว่าเป็นคนเดียวกันที่ก่อเหตุกับลูกสาวตน
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้นทราบว่า นายอเนก ผู้ก่อเหตุเป็นอาสาสมัครตำรวจชุมชน(อส.ตร.)และอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) และค่อยช่วยงานอำนวยการจราจรอยู่เป็นประจำ และมีอาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างเป็นอาชีพ ซึ่งคาดว่า นายอเนก กลัวมีความผิด จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนระเบิดขมับตนเอง ก่อนที่จะบันทึกภาพและลงบันทึกประจำวันไว้เบื้องต้น ก่อนเชิญตัวผู้เสียหาย พยานในที่เกิดเหตุไปสอบสวนเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจ พร้อมดำเนินการตามกฎหมายต่อไป