
CIB จับแก๊งฟอกเงินข้ามชาติผ่าน Huione Pay ของหลานฮุนเซน
ตำรวจสอบสวนกลาง จับแก๊งฟอกเงินข้ามชาติ หลอกคนไทยลงทุนเทรดหุ้น ก่อนชิ่งหนี โอนเงินหลายทอด ผ่าน Huione Pay ของหลานฮุนเซน พบมีถอนเงินเดือนละพันล้าน
8 ส.ค. 2568 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.พร้อมด้วย พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. , พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผกก.3 บก.ปอท. , พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ พุ่มพวง สว.กก.3 บก.ปอท. ร่วมแถลงผลเปิดปฏิบัติการ "SKYFALL" บุกทลายแก๊งฟอกเงินข้ามชาติผ่าน Huione Pay (บริษัทของหลานฮุนเซน) สามารถจับกุม นายอู ชิน (Mr.OO SHIN) อายุ 57 ปี ,นางธิดา (Ms.THIDA) อายุ 57 ปี และนายเล่า เวย (Mr.LOUK WAI) อายุ 54 ปี ทั้งหมดสัญชาติเมียนมา ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, โดยทุจริตหรือหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนฯ, สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน" โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณบ้านพัก ในพื้นที่ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ กก.3 บก.ปอท. ว่า ถูกมิจฉาชีพใช้เพจเฟซบุ๊กชักชวนลงทุนเทรดหุ้นอ้างได้กำไรดี จากนั้นได้ให้เข้ากลุ่มไลน์ซึ่งมีสมาชิกจำนวนมาก ภายในกลุ่มจะมีหน้าม้าในกลุ่มคอยแจ้งว่าสามารถเทรดได้กำไรและถอนเงินได้จริง โดยผู้เสียหายใช้เวลาดูในกลุ่มอยู่ประมาณ 2-3 เดือน ก่อนตัดสินใจลงทุน จากนั้นแอดมินกลุ่มจะให้เข้ากลุ่ม VIP และติดต่อผ่าน Line Officail ก่อนที่จะให้โหลดแอปพลิเคชันปลอม ชื่อ Ulela Max และโอนเงินเพื่อลงทุนเทรดหุ้น โดยจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 10 %
ขณะที่ พล.ต.ต.อธิป กล่าวว่า ช่วงแรก ๆ ผู้เสียหายโอนเงินไปยังบัญชีม้านิติบุคคล ชื่อบัญชี บจก. ยูเลล่า เทรดดิ้ง 999 จำนวนหลักแสนบาท พบว่าสามารถถอนเงินพร้อมกำไรได้จริง จึงได้โอนเพิ่มขึ้นเป็นหลักล้านบาทอีกหลายครั้ง ไปยังบัญชีม้านิติบุคคล จำนวน 4 บัญชี และ บัญชีม้าบุคคล จำนวน 8 บัญชี รวม 18 ครั้ง เป็นเงินกว่า 20 ล้านบาท โดยใช้เวลาในการโอนและลงทุนดังกล่าวกว่า 2 เดือน ก่อนจะรู้ตัวว่าถูกมิจฉาชีพหลอกและไม่สามารถถอนเงินได้ จึงได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท.
พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ กล่าวว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่า หลังจากที่บัญชีม้าได้รับเงินแล้ว จะมีการเปลี่ยนเงินเป็น Cryptocurrency ผ่านแพลตฟอร์มของไทย ได้แก่ BinanceTH และ Bitkub จากนั้นจะโอน Cryptocurrency สกุล USDT ต่อไปยัง Private Wallet จำนวนหลายกระเป๋าเพื่อให้ยากต่อการติดตาม โดยพบว่าบัญชีม้าทั้งหมดมีการทำรายการที่ตึกออฟฟิศในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา
เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบเส้นทางการเงิน Cryptocurrency พบว่า มีการโอนไปยัง Wallet ของ Huione Pay ของประเทศกัมพูชา เพื่อฟอกเงิน ก่อนจะถูกโอนต่อไปยัง Wallet ของผู้รับผลประโยชน์อีกจำนวนหลาย Wallet ก่อนจะโอนมาให้กับกลุ่มผู้ต้องหาในคดีนี้ที่เป็นชาวเมียนมา โดยพบว่าจะมีการรับโอน Cryptocurrency สกุล USDT วันละประมาณ 20-30 ล้านบาท แล้วจะเปลี่ยนเป็นเงินสดผ่านแพลตฟอร์ม Cryptocurrency ต่าง ๆ ทั้ง Binance, OKX และ Exchange ของไทย ได้แก่ Bittazza, Maxbit และ Z.COM เพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสดเข้าบัญชีธนาคารไทยของกลุ่มผู้ต้องหา และไปถอนเงินสดที่ธนาคารในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก วันละประมาณ 20-30 ล้านบาท
พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ กล่าวต่อว่า เมื่อถอนเงินแล้ว จะนำเงินสดให้ชาวเมียนมาขนข้ามชายแดนบริเวณด่าน ตม.แม่สอด ไปส่งต่อให้นายทุนชาวจีนยังฝั่งเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา โดยพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาถอนเงินสดกว่าเดือนละ 1,000 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้รวม 28 คน โดยเป็นกลุ่มบัญชีม้า จำนวน 24 คน และชาวเมียนมา ผู้รับผลประโยชน์จำนวน 4 คน และได้นำหมายค้นศาลจังหวัดแม่สอด เพื่อเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายพร้อมจับกุมผู้ต้องหาชาวเมียนมาจำนวน 3 ราย ซึ่งทำหน้าที่กดเงินสดและขนเงินไปให้นายทุนยังฝั่งประเทศเมียนมา พร้อมตรวจยึดเงินสดของกลางรวมกว่า 46 ล้านบาท
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. ดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบขณะนี้ยังไม่พบว่าแก๊งดังกล่าวเชื่อมโยงกับ "ก๊ก อาน" หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ชาวกัมพูชา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนขยายผล แต่พบว่าผู้ต้องหาระดับสั่งการบางรายกบดานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่มีสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทย แต่ทางเราจะขอให้ตำรวจสากลออกหมายจับเพื่อกดดันขบวนการเหล่านี้ต่อไป