
สึกหนีแต่ไม่รอด "บิ๊กเต่า" บุกจับ 2 อดีตพระ เคยมั่วสีกากอล์ฟ
ตำรวจ ปปป.-ป.ป.ท. ร่วมจับ "อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร - อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท" หลังพบหลักฐานเคยมีสัมพันธ์ฉาวสีกากอล์ฟ พร้อมรวบคนสนิทพระ
7 ส.ค. 2568 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปาตแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาฯ ป.ป.ท. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เปิดปฏิบัติการ "กอล์ฟทีม EP.1" บุกค้นเป้าหมาย 3 จุด ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี จ.พิจิตร และ จ.สมุทรสงคราม เพื่อกวาดล้างจับกุมอดีตพระชั้นผู้ใหญ่และคนใกล้ชิดที่เคยพัวพันสัมพันธ์ฉาว "สีกากอล์ฟ" หลังพบยักยอกเงินวัดนำไปดูแลสีกากอล์ฟ
จุดแรก สถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายทิวากร ดีไพร หรือ อดีตพระมหาทิวากร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท อายุ 59 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนโดยการทุจริต , เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ”
ทันทีที่ไปถึงพบ นายทิวากร กำลังพักผ่อนอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าทำการจับกุม
จุดที่ 2 บ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม บ้านพักของ นายสันติชัย ผ่องใส่ศรี อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหา สนับสนุนเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ , สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” และ ลูกศิษย์คนสนิทของ อดีตพระมหาทิวากร ซึ่งทันทีที่เข้าหน้าทีไปถึงพบตัวนายสันติชัย ยืนอยู่บริเวณหน้าบ้านพัก เจ้าหน้าที่จึงนำหมายจับแสดงตัวเข้าจับกุมได้โดยละม่อม
จุดที่ 3 บ้านพักในพื้นที่ จ.พิจิตร ซึ่งเป็นบ้านพักของพี่สาว นายวิรัติ วัชรสิทธิเมธี หรือ อดีตพระเทพวัชรสิทธิเมธี เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร อายุ 60 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ ,เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ เป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ”
เนื่องจากทราบเบาะแสว่า หลังนายวิรัติ สึกออกมาก็ได้มาพักอาศัยอยู่ที่บ้านของพี่สาว ทันทีที่ไปถึงพบนายวิรัติกำลังนอนพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงนำหมายจับเข้าทำการจับกุมตัวได้ พร้อมเข้าตรวจค้นภายในบ้านพักเพื่อค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม
สำหรับพฤติการณ์อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท คือ มหาทิวากร
พบว่า ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดนั้น มักมีพฤติกรรมตั้งตัวเป็นคนบริหารจัดการเงินต่างๆของวัดแบบเบ็ดเสร็จเพียงผู้เดียว รวมถึงมีพฤติกรรมยักยอกเงินของวัดไปใช้ส่วนตัว สอดคล้องกับข้อมูลเส้นทางการเงินที่มีการตรวจสอบพบว่าในช่วงปี 2565-2568 มหาทิวากร เคยโอนเงินไปให้กับสีกากอล์ฟ เป็นเงินรวมกว่า 1,176,740 บาท
อีกจากการตรวจสอบยังพบว่า ในช่วงปี 2566-2568 ได้มีบริษัทเอกชนจำนวน 3 แห่ง ติดต่อขอเช่าสถานที่ของวัดบริเวณริมแม่น้ำท่าจีนใช้ทำเป็นที่จอดเรือ กับทางมหาทิวากร โดยตกลงกันทางวาจาเรียกเก็บค่าเช่าเดือนละ 30,000 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค.66 – 13 มิ.ย.68 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 870,000 บาท
โดยมีนายสันติชัย หรือ อุ้ย ลูกศิษย์คนสนิท เป็นผู้ประสานงานคอยจัดเก็บเงินค่าเช่า ก่อนจะโอนต่อมายังบัญชีธนาคารส่วนตัวของ มหาทิวากร แต่ปรากฎว่าภายหลังได้เงินค่าเช่าที่จอดเรือมาแล้ว มหาทิวากร ไม่ได้นำเงินดังกล่าวเข้าบัญชีวัด แต่กลับนำไปใช้ส่วนตัว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ มหาทิวากร และ นายสันติชัย จนนำมาสู่การจับกุมตัวในวันนี้
อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ต้องหาทั้ง 3 รายที่ถูกจับกุมในวันนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างคุมตัวมาสอบปากคำยังกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) ซึ่งในส่วนของรายละเอียดทางคดี ทางเจ้าหน้าที่จะมีการแถลงข่าวชี้แจงอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในช่วงบ่ายวันนี้