
แจ้งจับ หนุ่มนิติฯ บุกห้อง นศ.สาว อ้างยืมสายชาร์จ แต่ผลักเข้าห้องเปลือยกาย
นศ.สาว แจ้งความ ถูกหนุ่มนิติคอนโด อ้างยืมสายชาร์จ พอแง้มประตู กลับผลักเข้าห้องแก้ผ้า อาการคล้ายเสพ สาวต้องหนีไประเบียงโทรบอกแฟนหนุ่ม
6 ส.ค. 2568 นายปฐมพงศ์ ชัยสุราษฎร์ เลขาสภาเทศบาลนครรังสิต พา นางสาว เอ (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี และนายณัฐกิตติ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี แฟนหนุ่มของน.ส.เอ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.ไพรัตน์ วรรณี สารวัตรสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์
หลักถูกหนุ่มผู้จัดการนิติบุคคลคอนโดแห่งหนึ่งในพื้นที่บุกเข้าห้องตอนตี 1 อ้างขอยืมสายชาร์จโทรศัพท์ จากนั้นใช้กำลังผลักประตูเข้าห้องและแก้ผ้า ผู้เสียหายหนีไปอยู่ที่ระเบียงและล็อคจากด้านนอก หนุ่มหื่นทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน แก้ผ้าอาบน้ำแล้วเหมือนเสพยารอ สาวโทรหาแฟนหนุ่มมาช่วยเหลือเอาไว้ได้
ทั้งที่แม่ได้บอกเอาไว้ว่า หนุ่มผู้จัดการนิติบุคคล เป็นคนบ้านเดียวกับแม่ ถ้าเจอก็ยกมือไหว้ ทำให้ นางสาว เอ (นามสมมุติ) ไม่ได้คิดอะไร ประกอบกับเป็นคนที่ใจดีชอบช่วยเหลือคนอยู่แล้ว เห็นเป็นผู้จัดการนิติบุคคลเดือดร้อนเลยช่วยเหลือ
นางสาวเอ เล่าว่า ตนเองอาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งนี้คนเดียว เพราะอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยที่ตนเองเรียน และด้วยเรียนแต่โรงเรียนนานาชาติ ทำให้อ่านและฟังภาษาไทยได้ไม่จัดเจน วันที่เกิดเหตุ เวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 31 ก.ค. 2568 ตนเองอ่านหนังสืออยู่ แล้วอยู่ ๆ หนุ่มผู้จัดการนิติบุคคลได้ส่งข้อความมาหาตนเอง แต่ตนเองไม่เข้าใจคิดว่า ต้องการขอยืมสายชาร์จมือถือ ก็เลยบอกว่าโอเค พอหนุ่มผู้จัดการนิติบุคคลขึ้นมา ตนก็แง้มประตูยืนสายชาร์จไปให้ แต่เขาไม่ได้มาเอาสายชาร์จ กลับผลักประตูเข้าห้องมาโดยไม่ได้รับอนุญาต
พอเข้าห้องมาได้ก็ถอดของที่สวมใส่ส่วนตัวออกมาวางไว้ หลังจากนั้นหนุ่มผู้จัดการนิติบุคคล ทำทีขออนุญาตล้างหน้า แต่ไม่ได้รอคำตอบจากตน ก็เดินไปที่ห้องน้ำเลย แล้วก็อาบน้ำ พอออกมาจากห้องน้ำก็เดินเปลือยกายออกมาและมายืนตรงกลางห้อง บอกขอผ้าเช็ดตัว พร้อมทำตัวข่มขู่โวยวาย
ตนกลัวมาก จึงยื่นผ้าเช็ดตัวให้ แต่ทางหนุ่มผู้จัดการนิติบุคคล จับแขนรูดจนถึงผ้าเช็ดตัวแล้วก็หยิบผ้าเช็ดตัวไป จากนั้นขอกระดาษเปล่าๆ เอาไปวางเสื้อผ้าและเดินมานั่งที่โซฟา โดยนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว พอตนพยายามจะออกไปจากห้อง เขาก็ลุกขึ้นมาพยายาม ปิดประตู เริ่มพูดคุยว่า ถ้าหนาวกอดพี่ได้น่ะ ทำตัวสบายๆ น่ะ ถ้าหนาวพี่ขึ้นไปนอนด้วยได้ไหม ยอมรับว่าตอนนั้นรู้สึดกลัวมาก จึงทักไปหาแฟนให้มาหา
ระหว่างนั้นตนออกไปยืนหลบอยู่ที่ระเบียงห้อง พอแฟนมาถึง ตัวคนก่อเหตุวิ่งมาหาจน มาทุบประตูระเบียงแล้วโววายว่า พาใครมา พาใครมา ตนจึงอาศัยจังหวะวิ่งไปเปิดประตูห้อง แต่หนุ่มผู้จัดการนิติบุคคล ก็พยายามกระชากตัวเอาไว้ แต่ตนก็หลุดมาได้ พอแฟนเข้ามาได้ ก็มีการโต้เถียงอย่างรุนแรง ตนเลยถ่ายคลิปเป็นหลักฐาน
ด้าน นายณัฐกิตติ์ เล่าต่อว่า ตอนที่เกิดเหตุเป็นช่วงเวลาประมาณ ตี 1 ตนนอนแล้ว แต่มีข้อความดังหลายรอบจนสะดุ้ง พอตื่นขึ้นมาดูข้อความ แฟนสาวส่งมาบอก "ช่วยด้วย มีคนเข้ามาในห้องหนู" ตนจึงบอกให้แฟนสาวไปที่ระเบียงและล็อคประตูระเบียงเอาไว้ จากนั้นจึงรีบขี่รถ จยย. จากลาดพล้าวมาที่คอนโดของน้องเวลาประมาณ ตี 2 กว่าๆ และ ประสาน รปภ. ให้ขึ้นไปที่ห้องน้องด้วยกัน แต่ รปภ.บอกจะขึ้นไปได้ต้องประสานผู้จัดการนิติบุคคลก่อน ตนก็บอกว่า มันไม่รับหรอกเพราะมันอยู่ในห้องแฟนของตน จึงได้ลากตัว รปภ.ขึ้นพาด้วย ซึ่งตนมีคีย์การ์ดของคอนโด จึงสามารถเข้าไปได้ พอขึ้นไปถึงหน้าห้องก็เคาะห้อง สักพักนึงเลย น้องวิ่งมาเปิดประตูให้และบอกว่า หนุ่มผู้จัดการนิติบุคคลอยู่ในห้องน้ำ
ซึ่งมารู้ที่หลังว่า เขาแก้ผ้าอยู่และเข้าห้องน้ำเพื่อไปแต่งตัว ตนจึงเดินตรงไปเคาะประตูห้องน้ำเรียกให้ออกมา ถามว่า คุณเข้ามาห้องนี้ทำไม เข้ามาได้อย่างไร เขาก็อ้างว่ามา ชาร์จแบต ทะเลาะกับแฟนเข้าห้องไม่ได้ แต่ตนมองว่า เข้าห้องไม่ได้ แล้วมาอาบน้ำ แก้ผ้าในห้องนี้ได้อย่างไร ด้วยอารมณ์โมโหตนจึงลงมือต่อยเขา อีกทั้งในห้องน้ำที่มีทั้งกลิ่นบุหรี่และกลิ่นแปลกๆ คาดว่าเป็นสารเสพติด จากนั้นตนจึงลากออกมาคุย และโทรเรียกแฟนผู้ก่อเหตุมา ซึ่งเธอก็เป็นประธานนิติบุคคลอยู่ที่คอนโดนี้ จากนั้นจึงโทรแจ้งตำรวจ ระว่างนั้นผู้ก่อเหตุตกใจถึงกับก้มกราบเลยและขอโทษแฟนตน บอกยอมรับผิด ซึ่งมันเหมือนคุยกันไม่รู้เรื่อง ถามอะไรไปก็ไม่ได้คำตอบอะไรออกมา
ด้านคุณแม่ของน.ส.เอ เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า เค้ามาทำตัวตีสนิทกับแม่ แม่ก็เห็นเป็นผู้จัดการนิติบุคคล และเป็นคนบ้านเดียวกันเลยบอกลูกไว้ ทำให้ลูกไม่ทันระวังตัว จึงเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น หลังจากเกิดเหตุ ตนเองเพิ่งบินกลับมาจากจีน พอทราบเรื่อง ก็ ไปสอบถามเพื่อนบ้าน พบว่า ผู้จัดการนิติบุคคล คนนี้มีพฤติกรรมการก่อเหตุลักษณะนี้อยู่หลายครั้ง ซึ่งตนเองมีหลักฐานทั้งหมดและได้รวบรวมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเอาไว้แล้ว แต่กลัวอิทธิพลเพราะผู้ก่อเหตุที่คล้ายจะสนิทสนมกับนักการเมืองใหญ่ โชคดีได้ ท่าน สท.ปฐมพงศ์ ชัยสุราษฎร์ เลขาสภาเทศบาลนครรังสิต เข้ามาช่วยเหลือ ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ในครั้งนี้