
ศบ.ทก. แถลงกัมพูชาใช้อาวุธหนักยิง รพ. บ้านเรือน ชาวบ้านดับ 1 เด็กชาย 5 ขวบสาหัส
ศบ.ทก. แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา อีกฝ่ายใช้อาวุธหนักยิงใส่ รพ. บ้านเรือน ละเมิดสัญญาออตตาวา มีชาวบ้านดับ 1 เด็กชาย 5 ขวบสาหัส
24 ก.ค. 2568 ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยก่อนการประชุม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ประธานศบ.ทก. ยืนยันว่า ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน เตรียมมอบอำนาจให้กองทัพใช้อำนาจตามกฎหมาย หลังการเจรจาทวิภาคีไม่สำเร็จ โดยกองทัพไทยได้หารือและมอบอำนาจให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดในการดำเนินการทางทหาร พร้อมเผยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 23 ก.ค. กองทัพไทยวางลวดหนามแต่ฝ่ายกัมพูชาได้ยิงตอบโต้กลับ
ด้าน พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะโฆษกด้านความมั่นคง ศบ.ทก. เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องตอบโต้ และขยายพื้นที่ออกไปตามแนวชายแดนต่างๆ จึงเกิดพื้นที่ปะทะอีก 6 พื้นที่ ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องจอม จ.สุรินทร์ พื้นที่ ช่องบก ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี พื้นที่ เขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ
ปัจจุบันฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธหนัก เช่น BM21 และปืนใหญ่ขนาด 122 มิลลิเมตร ทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนประชาชนชาวไทย รวมทั้งการสูญเสียชีวิตของประชาชนฝ่ายไทย นอกจากนี้ยังมีการโจมตีไปยังพื้นที่ทางสาธารณะ คือ ศูนย์พัฒนา พื้นที่ชายแดนอำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์
ข่าวล่าสุดทราบมาว่า ได้โจมตีโรงพยาบาลของฝ่ายไทยด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ฝ่ายไทยมีการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ เพื่อความปลอดภัยและมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 คน 1 ในจำนวนนั้นเป็นเด็กชายอายุ 5 ขวบและเสียชีวิต 1 คน ในพื้นที่ชุมชนบริเวณชายแดนพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์
สถานการณ์ดังกล่าวฝ่ายไทยดำเนินการตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 มาตรา 39 โดยให้กองทัพไทยจัดตั้งศูนย์บัญชาการทางทหารในแต่ละระดับชั้นขึ้นมา ตั้งแต่ยามปกติ เพื่อติดตามสถานการณ์และควบคุมอำนวยการและสั่งการปฏิบัติ
ทั้งนี้ศูนย์บัญชาการทหารก็มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้บังคับบัญชาสามารถดำเนินการใช้กำลังทหารในการปฏิบัติการได้
นอกจากนี้การดำเนินการของศบ.ทก. เดิมทีเรามีมาตรการ เปิด-ปิด ด่าน เราได้เน้นย้ำมาเสมอว่า เราไม่เคยปิด แต่เราใช้มาตรการระดับที่ 2 จำกัดคนและจำกัดเวลา แต่ในปัจจุบันเนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เราจำเป็นต้องยกระดับมาตรการควบคุมชายแดนจุดผ่านแดนต่างๆไปจนถึงระดับที่ 4 นั่นคือการ งดเข้าออกทุกด่านตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวต่อว่า สำหรับประชาชนที่มีพฤติกรรม เดินทางโดยเครื่องบินและไปเล่นการพนันบริเวณพื้นที่ชายแดนและกลับเข้ามาช่องทางทางบกตามแนวชายแดนต่างๆ แน่นอนว่าเราไม่สนับสนุน ซึ่งทางการจะรวบรวมและติดตามพฤติกรรมคนกลุ่ม และจะมีการเข้มงวดมากยิ่งขึ้น ประกอบกับช่วงนี้เรามีสถานการณ์ตามแนวชายแดนต่างๆทำให้มีการปิด จึงไม่สามารถเดินทางกลับช่องทางทางบก ขอแจ้งเตือนประชาชนที่มีพฤติกรรมลักษณะนี้อยู่ ขอให้งดเดินทาง
สิ่งที่อยากบอกประชาชน คือ ทางการไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ในช่วงบ่ายวันนี้เวลา 14:00 น. จะมีการประชุม สภาความมั่นคงแห่งชาติวาระพิเศษ ซึ่งจะมีการประเมินสถานการณ์และกำหนดแนวทางในการดำเนินการที่ชัดเจนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไป
ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เหตุการณ์ทหารเหยียบกับระเบิด ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี โดยมีผู้แทนคณะทูตจากต่างประเทศเข้าร่วมจำนวน 93 คน จาก 68 ประเทศ ฝ่ายไทยมีโอกาสสำคัญชี้แจงท่าทีจุดยืนในเรื่องดังกล่าวและการดำเนินการในเรื่องนี้ทั้งการประท้วงฝ่ายกัมพูชาโดยตรงและประท้วงไปที่รัฐอนุภาคีสนธิสัญญาออตตาวา
ซึ่งผู้แทนประเทศต่างๆโดยเฉพาะรัฐอนุภาคีสนธิสัญญาออตตาวาได้รับทราบจุดยืนและเห็นพ้องกับแนวทางของไทย ซึ่งเป็นไปตามพันธกรณีของไทยเอง และจากอีกเหตุการณ์เมื่อวานนี้ที่มีกำลังพลของกองทัพบกอีก 5 นายประสบเหตุเหยียบกับระเบิดในพื้นที่อานม้า อุบลราชธานี อีกครั้ง กระทรวงการต่างประเทศขอประณามอย่างที่สุดต่อการละเมิดอธิปไตย ละเมิดอนุภาคีสนธิสัญญาออตตาวา เช่นเดียวกันและขอแสดงความเสียใจและหวังว่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากฟื้นตัวโดยเร็ว โดยในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศจะเดินหน้าประท้วงต่อไปเช่นกัน
สำหรับสถานการณ์ปะทะขณะนี้ และฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ริเริ่มขอเรียนให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการเพื่อปกป้องผลประโยชน์ท่าทีและอธิปไตยไทยในเวทีระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ที่สุด พร้อมทำงานอย่างมีเอกภาพดำเนินการไปพร้อมกับกองทัพไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยตามกฎหมายระหว่างประเทศ