
"อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัด" ร่ำไห้ กลางวงสอบ ปมสีกากอล์ฟ
"อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัด" เข้าให้การ ตร.ปปป. ปมสัมพันธ์สีกากอล์ฟ ระหว่างสอบปากคำถึงกับร่ำไห้ปาดน้ำตา จน "บิ๊กเต่า" ปลอบใจ "สึกแล้ว ยังมีอาชีพ"
ภายหลังจากอดีตพระครูสิริวิริยธาดา อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เข้าให้ปากคำกับตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา โดยปฏิเสธตอบคำถามใดๆ กับสื่อมวลชน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เข้าร่วมสอบปากคำนานกว่า 3 ชั่วโมง
มีรายงานว่า ระหว่างสอบปากคำ บางช่วง "อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธร" น้ำตาไหลออกมา จน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ต้องบอกให้เจ้าหน้าที่เอาทิชชู่ให้และบอกว่าไม่ต้องร้องไห้ ซึ่ง "อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธร" ก็ยกมือไหว้ และบอกว่า "ผมไม่ได้เสียใจแล้วร้องไห้" พล.ต.ต.จรูญเกียรติจึงบอกว่า "สึกแล้วเรายังมีอาชีพ เราไปทำอะไรก็ได้"
ล่าสุด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า การสอบปากคำวันนี้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างมาก ทำให้ตำรวจเข้าใจพฤติกรรมที่ทำให้พระตกเป็นเหยื่อของสีกากอล์ฟ และเรื่องเงินก็ให้การสอดคล้องกับพยานหลักฐานที่ตำรวจได้มา แต่เดี๋ยวให้ท่านได้กลับไปตั้งสติก่อน แล้วจะนัดหมายกลับมาให้ปากคำกับตำรวจอีกที
ส่วนพฤติการณ์ที่ท่านตกเป็นเหยื่อ ก็แล้วแต่ความประสงค์ของท่านว่า จะให้การกับตำรวจในรายละเอียดอีกครั้งหรือไม่ ตำรวจไม่บังคับ
ส่วนที่ได้ไปหารือกับสมเด็จพระราชาคณะฝ่ายมหานิกาย ที่วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหารนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ก็เพื่อให้พระชั้นผู้ใหญ่ได้มีส่วนร่วมจัดการกับปัญหานี้ให้จบโดยเร็ว เพราะก่อนหน้านี้ตำรวจได้ให้โอกาสพระที่เกี่ยวข้องไปสึกแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายรูปที่ยังไม่สึก บางรูปปล่อยข่าวว่าสึกแต่ก็ยังไม่ได้สึก ตำรวจจึงได้ประสานทั้ง 2 นิกาย คือ มหานิกาย และธรรมยุต เพื่อส่งพยานหลักฐานให้ไปดำเนินการทางวินัยกับพระเหล่านี้
นอกจากนี้ยังมีบางรูปตั้งทนายความขึ้นมาต่อสู้อ้างว่า เป็นคลิปตัดต่อเพื่อดึงเวลา ซึ่งตำรวจไม่อยากให้ทำเช่นนั้น อยากให้พระทุกรูปรับผิดชอบตนเอง ตำรวจทำงานมาถึงขนาดนี้ ย่อมมีพยานหลักฐานเพียงพอ เรื่องหลักฐานตำรวจไม่กังวล ดังนั้นเดี๋ยวจะต้องเรียกพระที่ยังไม่สึกมาพบตำรวจ แสดงหลักฐานที่มีให้ดู ก็เชื่อว่าจะเป็นไปในแนวทางที่ดี และตำรวจจะเร่งดำเนินคดีทางอาญา
ส่วนจะมีพระเกี่ยวข้องกับสีกากอล์ฟมากกว่า 20 รูปหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ไม่อยากพูดถึงตัวเลข แต่อยากแก้ปัญหานี้ให้เร็ว ฟื้นวิกฤติศรัทธาในพระพุทธศาสนา พระรูปไหนที่ยังไม่สึก ก็จะไล่เก็บให้จบ ส่วนการสืบสวนเส้นทางการเงิน ตำรวจก็ทำควบคู่กันไป จะบังคับใช้กฎหมายกับทุกคน หากใครไม่สึก ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจดำเนินการ เพราะมีเรื่องเส้นทางการเงินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทุกรูป แม้ว่าจะสึกไปแล้วก็สามารถดำเนินคดีได้
หากเข้าข่ายการทุจริต ก็จะเป็นมูลฐานคดีฟอกเงิน ตำรวจดำเนินการไปเยอะแล้ว และก็พบอะไรเยอะแล้ว ฉะนั้นเชื่อว่าจะมีความชัดเจนในไม่นาน การตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมดนี้ แค่ตำรวจมีหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ 2-3 คดีก็เพียงพอแล้ว จะเข้าข้อหายักยอกทรัพย์และทุจริต และคนที่รับเงินก็เข้าข่ายสนับสนุนการกระทำความผิด
ส่วนกระแสข่าวว่ามีเส้นทางการเงินจากวัดบางแห่งไปถึงสีกากอล์ฟนั้น พล.ต.ต จรูญเกียรติ ระบุว่าตำรวจมีพยานหลักฐาน และก็คืบหน้าไปค่อนข้างมากแล้ว