ข่าว

ชาวบ้านชายแดนไทย-กัมพูชา ทยอยขายวัวควาย หวั่นเกิดสู้รบหลัง JBC

ชาวบ้านชายแดนไทย-กัมพูชา ทยอยขายวัวควาย หวั่นเกิดสู้รบหลัง JBC

14 มิ.ย. 2568

ชาวบ้านบ้านกรวด บุรีรัมย์ ทยอยขายวัวควาย ราคาต่ำกว่าท้องตลาด หวั่นเกิดการสู้รบ จะได้อพยพ ไม่ต้องห่วงสัตว์ ลุ้นประชุม JBC เจรจาอย่างสันติ

14 มิ.ย. 2568 ทีมข่าวลงพื้นที่ติดตามบรรยากาศชาวบ้านที่บ้านสายโท 11 ใต้ ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 3-4 กิโลเมตร เคยได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา จนต้องอพยพทิ้งบ้านเรือนไปอยู่ศูนย์พักพิง เมื่อปี 2554 ต่างจับกลุ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะกันล่าสุด ที่บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี 

 

ขณะนี้ชาวบ้านต่างรอลุ้นผลการเจรจาของผู้นำทั้งสองประเทศที่ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ JBC ในวันนี้ที่กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา 

ชาวบ้านต่างคาดหวังว่า การประชุม JBC ครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายจะมีทางออกร่วมกันอย่างสันติ ไม่เกิดความขัดแย้งจนนำไปสู่การสู้รบกัน เพราะหากมีการสู้รบขึ้นจริง จะส่งผลกระทบกับประชาชนทั้งสองฝ่าย ทั้งการทำมาหากินและการดำรงชีพ ก็จะลำบากและเสี่ยงอันตราย 

 

ชาวบ้านชายแดนไทย-กัมพูชา ทยอยขายวัวควาย หวั่นเกิดสู้รบหลัง JBC

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุปะทะกันที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจบลงอย่างไร สร้างความกังวลใจให้ชาวบ้านแนวชายแดน โดยเฉพาะชาวบ้านหลายหมู่บ้านในตำบลสายตะกูที่เคยมีลูกกระสุนปืนตกในพื้นที่เมื่อปี 2554 ถึง 120 ลูก ต่างใช้ชีวิตด้วยความกังวล เกรงจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก 

หลายครัวเรือนที่เลี้ยงวัว ควายไว้ ได้ทยอยขายออก แม้จะได้ราคาต่ำเฉลี่ยตัวละ 6,000-8,000 บาทก็ตาม จากที่ราคาซื้อขายตามท้องตลาดช่วงนี้จะต้องอยู่ที่ตัวละไม่ต่ำกว่า 10,000 ถึง 20,000 บาท ขึ้นอยู่กับอายุและน้ำหนักตัว แต่ก็จำใจต้องขาย เพราะไม่อยากกังวลหากเกิดเหตุสู้รบขึ้นและต้องอพยพออกนอกพื้นที่จริง จะได้ไม่ต้องพะวงเป็นห่วงสัตว์เลี้ยง 

 

ขณะที่ผู้สูงอายุบางครอบครัวที่ลูกหลานทำงานต่างจังหวัด ก็ได้ลงทุนซื้อท่อปูนซีเมนต์และดินทำบังเกอร์หลบภัยไว้ภายในบริเวณบ้านของตัวเอง เพื่อไว้หลบภัยก่อนที่จะมีการอพยพออกจากพื้นที่ เพื่อความปลอดภัย 

 

ชาวบ้านชายแดนไทย-กัมพูชา ทยอยขายวัวควาย หวั่นเกิดสู้รบหลัง JBC