ข่าว

เปิดคำไต่สวนนัดแรก คดี "ทักษิณ" นอนรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตร.

เปิดคำไต่สวนนัดแรก คดี "ทักษิณ" นอนรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตร.

13 มิ.ย. 2568

ไต่สวนนัดแรก ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คดี "ทักษิณ" นอนรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมสั่ง ป.ป.ช. ส่งรายงาน ใบเสร็จและประวัติศานตร์รักษาตัว ตปท. ภายน 15 วัน

13 มิ.ย. 2568 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลนัดไต่สวน กรณีการเข้ารักษาตัวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจเพื่อพิจารณาว่าการรักษาตัวดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบกฎหมายหรือไม่และมีการฝ่าฝืนกฎหมายหรือข้อกำหนดของกรมราชทัณฑ์หรือไม่ 

 

โดยวันนี้ศาลไต่สวนนายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เกี่ยวกับขั้นตอนการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษานอกเรือนจำ ในวันที่ 22 ส.ค. 2566 ได้ปฏิบัติตามกฎกระทรวงหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่ มีการตรวจและปฏิบัติกับนายทักษิณอย่างไร

 

 

นายมานพเบิกความต่อศาลเกี่ยวกับการเข้ารับตำแหน่งว่า ตนเองเพิ่งเข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการเรือนจำในวันที่ 20 พ.ย. 2567 และการทำหน้าที่ของผู้บัญชาการเรือนจำ รวมถึงการทำหน้าที่พัศดีเวรในการรับและส่งตัวจำเลย ไปยังสถานพยาบาลนอกเรือนจำ โดยการรับตัว มีการตรวจสอบตัวตน ลายนิ้วมือ รูปพรรณ และใบรับรองแพทย์จากต่างประเทศ พร้อมหมายจำคุกของนายทักษิณ 

 

นายมานพ ชี้แจงว่า ในวันดังกล่าวรับตัวนายทักษิณจากศาลมายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในเวลา 14.00 น. มีการตรวจร่างกาย โดย พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ผู้ตรวจร่างกายและเขียนใบรับรองว่า มีโรคความดันสูงโรคหัวใจ อยู่ในกลุ่ม 608 พร้อมเขียนใบส่งตัวไว้ล่วงหน้าหากฉุกเฉิน จะได้สามารถส่งตัวได้ทันทีเมื่อมีอาการ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้พิมพ์ลายนิ้วมือและรับมอบประวัติการรักษาจากต่างประเทศ มีการตรวจค้น ตรวจตัวและบันทึกลงระบบ 

 

จากนั้นเวลา 22.00 น. พยาบาลของสถานพยาบาลภายในเรือนจำเข้าไปตรวจนายทักษิณ พบว่า มีความดันและออกซิเจนผิดปกติ แน่นหน้าอก นอนไม่หลับ แขนขาอ่อนแรง จึงโทรไปปรึกษาหมอของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งแพทย์ให้ความเห็นว่า สามารถส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำได้ ทางพัสดีเวรจึงมีคำสั่งตามคำวินิจฉัยแพทย์ ส่งตัวนายทักษิณไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ 

 

ศาลจึงได้ถามว่า ปกติมีการเขียนใบส่งตัวไว้ล่วงหน้าหรือไม่ นายมานพ ยืนยันว่า มี ทำเป็นปกติในกรณีผู้ป่วยกลุ่ม 608 แต่กรณีของนายทักษิณตนไม่ทราบเหตุผล 

 

ส่วนอาการคืนนั้นของนายทักษิณตรงกับใบส่งตัวล่วงหน้าเลยใช่หรือไม่ นายมานพ กล่าวว่า เห็นแค่ในรายงานเอกสาร แต่ส่วนตัวไม่เห็น

 

ศาลจึงทวงถามถึงประวัติการรักษาจากต่างประเทศของนายทักษิณ เนื่องจากไม่มีการส่งหลักฐานให้กับศาล พร้อมถามถึงรายละเอียดการส่งตัวของผู้ต้องขังไปรักษา นอกเรือนจำมีขั้นตอนอย่างไรและอาศัยตามอำนาจกฎหมายใด ตามประมวลกฎหมายอาญาหรือตามระเบียบราชทัณฑ์ 2563 เนื่องจากมีความแตกต่างกัน 


นายมานพ ชี้แจงว่า เป็นขั้นตอนตามมาตรา 55 ของพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ปี 2560 และกฎกระทรวงว่า สามารถส่งตัวผู้ต้องขัง ที่มีอาการป่วยในเวลาปกติได้ ซึ่งก็คือในเวลาราชการ โดยตามระเบียบจะต้องประเมินอาการในสถานพยาบาลในเรือนจำก่อน หากมีอาการหนัก ก็จะส่งตัวไปยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ทุกกรณี และหากมีอาการหนักกว่าเดิมสามารถส่งไปรักษาตัวโรงพยาบาลนอกเรือนจำได้ ส่วนก่อนหน้านี้จะมีนักโทษในคดีทางการเมืองถูกส่งไปรักษานอกประจำแบบนายทักษิณหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ในระยะเวลาที่ตนดำรงตำแหน่งมานั้น มี เช่น ผู้ป่วยจิตเวช ผู้ป่วยมะเร็ง 

 

ศาลจึงถามต่อว่า ตอนที่นายทักษิณรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจ มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปควบคุมตลอดเวลาหรือไม่ นายมานพ กล่าวว่า มีการส่งไปตลอด แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ จำนวน 4 นาย เวรละ 2 นาย สลับกลางวันกับกลางคืน แต่เจ้าหน้าที่ 1 คนสามารถเข้าเวรต่อเนื่องได้ โดยจะมีการลงชื่อในสมุดเข้าเวร และมีการเซ็นเบิกค่าเงินเข้าเวร สารจึงได้ขอหลักฐานการเบิกเงินเข้าเวร จะให้ส่งมาพร้อมกับประวัติการรักษาตัวนายทักษิณในต่างประเทศ ภายใน 15 วัน

 

ทนายของทักษิณไต่สวนพยาน

จากนั้นศาลได้เปิดให้คู่ความ ไต่สวนพยานได้แต่จะต้องไม่เป็นการซักค้านศาล นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ขออนุญาตต่อศาลเพื่อสอบถามข้อมูลบางส่วนกับพยานโดยตรงในชั้นไต่สวน ศาลชี้แจงต่อทนายความจำเลยว่า ไม่สามารถอนุญาตให้ทนายความจำเลยถามคำถามต่อพยานได้โดยตรง แต่ศาลจะเป็นผู้พิจารณาแต่ละคำถามตามความเหมาะสม จากนั้นทนายวิญัติเริ่มถาม

 

ข้อที่ 1 การส่งตัวผู้ต้องขังที่ป่วยออกไปรักษาโรงพยาบาลนอกความดูแลของกรมราชทัณฑ์ ทางกรมราชทัณฑ์ได้ทำ MOU ร่วมกับโรงพยาบาลอื่นหรือไม่ เช่นโรงพยาบาลตำรวจ 

ศาลตอบแทนพยานว่า ส่วนนี้ทางกรมราชทัณฑ์มี MOU ในเอกสารอยู่แล้ว 

 

ข้อที่ 2 ที่ผ่านมาทางเรือนจำฯ มีกรณีส่งตัวผู้ต้องขังที่ป่วยไปรักษาตัวภายนอกโดยไม่ผ่านขั้นตอนโรงพยาบาลเรือนจำฯ หรือไม่ แต่คำถามนี้ศาลไม่อนุญาตให้ถาม เนื่องจากเป็นการถามค้านศาล

 

ข้อที่ 3 พยานรู้อยู่แล้วใช่หรือไม่ ผู้ต้องขังมีประวัติการรักษาตัวจากต่างประเทศ ไม่ใช่พึ่งมีอาการ

ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระบุว่า ไม่ทราบ

 

ข้อที่ 4 พยานทราบหรือไม่ว่าในระหว่างปฏิบัติราชการอยู่ มีการคุมตัวผู้ต้องขังออกไปรักษาที่นอกเรือนจำทั้งประเทศจำนวนเท่าใด ศาลไม่อนุญาตให้ตอบ

 

ข้อที่ 5 ตามกฎกระทรวงเรื่องการคุมตัวผู้ต้องขังนอกเรือนจำเจ้าหน้าที่ต้องมีการควบคุมตัวตลอดเวลาใช่หรือไม่

ศาลแจ้งกลับว่า ในข้อคำถามดังกล่าวศาลได้กำหนดนัดหมายเรียกพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ที่ควบคุมตัวนายทักษิณมาไต่สวนแล้ว จึงไม่อนุญาตให้ถาม

 

ข้อที่ 6 จากการที่พยานกล่าวว่าแนวทาง ปฏิบัติกฎกระทรวงปี 2563 พยานไม่มีส่วนในการร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ทั้งนี้มาตรฐานการควบคุมตัวผู้ต้องขังนอกเรือนจำ(SOP) ถือว่าเกิดขึ้นก่อนหน้ากรณีของนายทักษิณใช่หรือไม่

ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ยืนยันว่า ใช่ 

 

ข้อที่ 7 การที่ราชทัณฑ์มารับตัวผู้ต้องขังจากศาลฎีกาเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2566 วิธีการซักประวัติถ่ายรูปตรวจร่างกายถือว่าเป็นการรับโทษแล้วหรือไม่ แต่ศาลไม่อนุญาตให้ถามเพราะจะเป็นผู้วินิจฉัยเอง

 

ข้อที่ 8 พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในเรือนจำมี 1 คนต่อ 1 รอบเวรใช่หรือไม่

ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระบุว่า พยาบาล 1 คนต่อ 1 เวรจะต้องดูแลผู้ต้องขังจำนวน 4,000 คน

 

ข้อที่ 9 กลุ่ม 608 คือกลุ่มอะไร แต่ในข้อคำถามนี้ศาลแนะนำว่าควรจะสอบถามไปทีมแพทย์มากกว่าเพราะมีความรู้เฉพาะเจาะจง แต่นายวิญญัติ ยืนยันว่าจะถามผู้บัญชาการเรือนจำว่าเข้าใจหรือไม่ว่า คนไข้กลุ่ม 608 คือใคร ศาลจึงอนุญาต

 

ผู้บัญชาการเรือนจำ ชี้แจงว่า กลุ่ม 608 หมายถึง กลุ่มผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ป่วยด้วย 8 โรค กลุ่มนี้ทางเรือนจำจะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด การเรียกว่ากลุ่ม 608 เกิดขึ้นในสมัยการแพร่ระบาดของโควิด

 

 

หลังไต่สวนเสร็จสิ้น

ศาลอ่านรายงานกระบวนพิจารณา ศาลเห็นว่า มีความจำเป็นต้องไต่สวนพยานจำนวน 20 ปากเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง

 

  • กลุ่มแรกเรียกไต่สวนวันที่ 4 ก.ค. เป็นกลุ่มแพทย์ที่เกี่ยวข้อง อย่างพ.ญ.รวมทิพย์ สุภานันท์ น.พ.ณัฐพร

 

  • กลุ่มสองเรียกไต่สวนวันที่ 8 ก.ค. เป็นเจ้าหน้าที่พัศดีและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ สัญญา วงศ์หินกอง พัศดีเวรประจำเรือนจำพิเศษกรุงเทพ

 

  • กลุ่มสามเรียกไต่สวนวันที่ 15 ก.ค.เป็นผู้บริหารโรงพยาบาลราชทัณฑ์และผู้บริหารเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ในจำนวนนี้มีนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์คนปัจจุบัน นายนัสที ทองปลาด อดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ นายปราโมทย์ ทองศรี อดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ

 

โดยศาลนัดอีกครั้งในวันที่ 18,25,30 ก.ค. 

 

นอกจากนี้ศาลยังให้ ป.ป.ช. ส่งรายงานการสอบสวนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (ก.ส.ม.) ที่ว่าด้วยเรื่องมติที่ประชุมแพทยสภา และใบเบิกค่าใช้จ่ายของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่เข้าเวรควบคุมตัวนายทักษิณที่โรงพยาบาลตำรวจ และประวัติการรักษาตัวจากต่างประเทศที่ราชทัณฑ์ระบุไว้ว่า มีอยู่ แต่ยังหาไม่พบ ให้ส่งกลับมายังศาลภายใน 15 วัน