
"สนธิ" พร้อมลงถนน ปกป้องอธิปไตยไทย ไม่เจรจากัมพูชาบนเวที JBC
"สนธิ" ประกาศพร้อมลงถนน สู้ปกป้องอธิปไตย พร้อมฝากถึง "แพทองธาร-ทักษิณ-ภูมิธรรม" บอกประวัติศาสตร์กำลังซำรอยคุณ ไม่เห็นด้วยตั้ง "ประศาสน์" ร่วมชุดเจรจาJBC
10 มิ.ย. 2568 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์รัฐบาล ตรงข้ามกับทำเนียบรัฐบาล นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน และกลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน พร้อมมวลชน ยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี เรียกร้องให้ออกมาทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตย
นายสนธิ เปิดเผยว่า ตนไม่สนใจทักษิณชั้น 14 จะเป็นอย่างไร เพราะตนรู้ว่าเมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้ว ต้องเป็นไปตามกระบวนการ แต่ตนสนใจคนที่ทรยศต่อชาติบ้านเมืองที่อยู่ในประเทศไทย ยังยืนยันว่า เวลาที่จะต้องออกมาแสดงพลังทั่วประเทศ ขณะนี้มันคุกรุ่นมากและใกล้จะมาถึงแล้ว ดังนั้น หากถามว่าจะมีการลงถนนหรือไม่ หากจำเป็นเพื่อที่จะปกป้องอธิปไตยไทยและขับไล่รัฐบาลชั่วช้า ถ้าจะลงถนนตนไม่ขัดข้อง แม้ตนจะอายุ 78 ปีแล้ว ลงครั้งสุดท้ายก่อนตาย ตนก็ยินดีและเชื่อว่ามีพี่น้องจำนวนมากร่วมด้วยแน่นอน ฝากถึง น.ส.แพทองธาร นายภูมิธรรม และ นายทักษิณ ประวัติศาสตร์กำลังซ้ำรอยพวกคุณ
การยื่นหนังสือในครั้งนี้มีนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับหนังสือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะยื่นหนังสือนายสนธิ ได้ระบุว่า พวกตนภาคประชาชน ตราบใดที่รัฐบาลไม่สามารถให้คำตอบได้ชัดเจนในเรื่องคำร้อง เพราะว่าเราโดนกัมพูชาละเมิดข้อตกลง MOU 400 กว่าครั้งโดยเราไม่ทำอะไรเลย มิหนำซ้ำประเทศไทยยังไปตั้งนายนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีต อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ประธานคณะกรรมาธิการฯ,ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้แทน เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งเคยข่มขู่นายวีระ สมความคิดและคุณราตรี ให้ยอมรับว่าแผ่นดินไทยที่เขาอยู่ว่าเป็นแผ่นดินของกัมพูชา ดังนั้นเมื่อเอาคนที่ยืนข้างกัมพูชา ไปเจรจาในคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (Joint Boundary Commission - JBC) ยิ่งทำให้ภาคประชาชนและตนต้องแจ้งว่า ไม่ไว้ใจคนพวกนี้ อยากให้ทางรัฐบาลเอาไปทบทวน เพราะเป็นเรื่องที่ซีเรียสต่อความรู้สึกมาก ตนไม่ได้พูดเล่น เพราะประเด็นอธิปไตยเข้ามาแล้ว ตนสามารถระดมคนได้ทั่วประเทศ ทุกคนพร้อมหมด
จากนั้น นายสนธิ และแกนนำคนอื่นๆ ได้เดินออกมาพูดคุยกับมวลชน บริเวณด้านหน้าศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ เพื่อพูดคุยถึงข้อตกลงต่างๆ ที่ส่งให้นายกรัฐมนตรีแล้ว
นายสนธิ ได้ออกมาปราศรัยต่อมวลชนว่า อธิปไตยของชาติ เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่อง ก็คงต้องแตกหักกัน เชื่อว่าคนไทยทั่วประเทศ จะเข้ามาร่วมกันกับตัวเอง เพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย เพราะตอนนี้ประเทศไทย มีคนไทยใจเขมร ประธาน JBC ของฝ่ายไทย คือ อดีตทูตไทย ประจำกัมพูชา ที่เคยจับกุมนายวีระ นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ได้ชัดเจนว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่จริงใจต่อการเจรจาในครั้งนี้ และกัมพูชาก็ไม่ได้ถอยออกไป ตามที่บอกกับไทย
ส่วน MOU 2543 คือ MOU ที่อัปยศ อัตราส่วน 1:200,000 ที่ไม่มีใครใช้กัน เพราะมันเป็น MOU ที่ปล่อยให้กัมพูชามาล้ำเขตแดนของไทย และที่ผ่านมากัมพูชาละเมิดชายแดน 470 ครั้งแล้ว แต่ทางการไทย ยังคงนิ่งเฉย เชื่อว่าคนไทย ไม่กลัวกัมพูชา ทหารไทย ไม่กลัวทหารกัมพูชา วันนี้ทุกคนมาร่วมมือกันปกป้องอธิปไตยของชาติ และไล่สมเด็จฮุน เซน ให้ลงนรกไป
บางช่วงบางตอน นายจตุพร จตุพร กล่าวว่า ไทยเสียดินแดนมากกว่าที่เหลือ ช่วงรัชกาลที่ 9และรัชกาลที่ 10 พูดว่าจะไม่ยินยอมเสียแม้แต่ตารางนิ้วเดียว แต่รัฐบาลภายใต้การนำของ นายกฯแพทองธาร และนายทักษิณ เราเห็นเรื่องดินแดนเป็นเรื่องรอง แต่เรื่องหลักคือการแย่งตำแหน่งรัฐมนตรี การลงพื้นที่ของนายกฯ ตรงข้ามกับแหล่งปัญหาทุกเรื่อง จะเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามตะกร้อ "โนแมนสแลน แปลว่าแผ่นดินไม่มีเจ้าของ แต่แปลว่าชายที่ไม่มีแผ่นดินอยู่" เมื่อมีการยืนยันชัดเจนว่า 3 ปราสาทจะนำขึ้นศาลโลก ไม่ประชุมในโต๊ะJBC และประเทศไทยส่ง นายประศาสน์ ไปเจรจาเรื่องปราสาท ความเป็นจริงการเจรจาต้องยกเลิก เพราะJBC คือทุกสิ่งทุกอย่าง เราไม่ขอเจรจากับกัมพูชา
ต่อมา ผู้สื่อข่าวสอบถาม นายจิรายุ ถึงท่าทีรัฐบาล ได้รับคำตอบว่า รัฐบาลดำเนินการอย่างต่อเนื่องทั้งบนโต๊ะและเชิงลับ ส่วนที่คณะนายสนธิมายื่นหนังสือนั้น รัฐบาลไม่เคยปฏิเสธในการยื่นเอกสาร เมื่อสักครู่ได้อ่านแล้วมี 2 ประเด็นหลัก คือ เรื่องคณะกรรมการJBC และเรื่องการแก้ไขปัญหา ซึ่งบางเรื่องอยู่ในระหว่างดำเนินการและจะมีการประชุมบนโต๊ะ jbc วันที่ 14 มิถุนายน ดังนั้นตามระบอบประชาธิปไตยเป็นสิทธิเสรีภาพที่ผู้ที่เกี่ยวข้อง ผู้ที่อยากเสนอแนะต่างๆให้กับรัฐบาลนำไปแก้ไข
ส่วนที่ประชาชนมองว่า รัฐบาลทำงานช้าไปหรือไม่ นายจิรายุ ยืนยัน บางเรื่องเราเร็ว แต่ผลลัพธ์มันมากกว่าที่เราจะได้ บางเรื่องไม่จำเป็นต้องรวดเร็ว ดูได้จากสิ่งที่เราทำ วันนี้ผลลัพธ์ออกมา บางทีไม่ได้หมายความว่า เราพูดคุยกับคนในบ้านของเรา นังไม่พูดคุยกับคนนอกบ้าน เช่น มีคนมาจอดรถหน้าบ้านเราหากถึงขั้นลงมือกันเลย ก็จะเป็นปัญหา แต่ถ้าลองคุยกันก่อน ไม่ต้องบอกนิติบุคคลและแก้ปัญหา อันนี้คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์จริงๆ รวมถึงสถานการณ์เรื่องแบบนี้การพูดคุย 15 วัน ยังถือว่าปกติ เวลาที่เขาจะเกิดสงครามเขาพูดคุยกันบนโต๊ะเป็นปี จนกระทั่งคุยไม่ลงตัวแล้ว เช่น สถานการณ์ในยูเครนและ รัสเซียคุยกันมาหลายปี เพราะฉะนั้นของเราทำอย่างเต็มที่ไม่ต้องห่วง "แผ่นดินไทยทุกตารางนิ้ว นายกนัฐมนตรีก็ยืนยันแล้วว่า ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปให้ใครอย่างเด็ดขาดอยู่แล้ว"
ส่วนที่นายสนธิ บอกว่าจะลงถนน นายจิรายุ กล่าวว่า เมื่อกี้ได้คุยกับนายสนธิแล้ว ยังไม่ถึงจุดนั้น วันนี้ที่มายื่นหนังสือ เพราะเป็นผู้ที่มีเจตนาดีต่อสังคมและประเทศไทย ท่านก็มาเสนอแนะ ซึ่งหลังจากนี้จะต้องนำเรียนนายกรัฐมนตรีต่อไป คิดว่าทุกคนเห็นทางแก้ไข ปรับปรุงได้ ก็เสนอแนะ เราก็รับฟัง