
ด.ญ. 9 ขวบ กลับสู่อ้อมอกแม่ ถูกพ่อเลี้ยงพรากไป เลี้ยงเยี่ยงทาส
แม่ร้องมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยด้วย ลูกสาว 9 ขวบ ถูกอดีตสามีพรากไปตั้งแต่ 2 ขวบ อดมื้อกินมื้อ ทุบตี บังคับเร่ขายน้ำส้มยันตี1 ไม่ส่งเรียนหนังสือ
6 มิ.ย. 2568 นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิ ปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.อ.อภิชาติ ทองแพ ผกก.สภ.พระประแดง ว่า น.ส.หน่อย (นามสมมุติ) อายุ 28 ปี เข้าร้องทุกข์หลัง ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) ลูกสาวอายุ 9 ขวบ ถูกนายแบงก์ (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี อดีตสามีของตน ซึ่งมีศักดิ์เป็นพ่อเลี้ยง พาไปเร่ขายน้ำส้มตามร้านอาหารต่างๆ ตั้งแต่ 5 โมงเย็นจนถึงตี 1 ทุกวัน โดยไม่ให้ลูกสาวเรียนหนังสือ และลูกสาวบอกกับแม่ว่าต้องอดมื้อกินมื้อ อยากกินอะไรก็ไม่ได้กิน ถ้าง่วงนอนหรือขายน้ำส้มไม่ได้ก็จะถูกด่าและถูกทุบตีประจำ
น.ส.หน่อย เล่าว่า ก่อนที่จะมาอยู่กินกับนายแบงก์เมื่อ 10 ปีก่อน ตนตั้งท้องได้ 2 เดือนแล้ว ซึ่งนายแบงก์ก็ยินดีที่จะอยู่กินด้วยและให้ใส่ชื่อเป็นพ่อเด็กในใบเกิด โดยอาศัยอยู่รวมกันในบ้านเช่าย่านท่าข้าม กรุงเทพฯ และมีแม่นายแบงก์กับพ่อเลี้ยงของนายแบงก์อยู่ด้วย ตอนนั้นนายแบงก์ทำอาชีพรับจ้างก่อสร้าง ต่อมาช่วงที่ด.ญ.เอ อายุได้ 2 ขวบ นายแบงก์ก็นอกใจไปมีผู้หญิงอื่น ตนจับได้จึงเลิกรากัน ตอนแรกตนยืนยันจะเอาลูกไปอยู่ด้วย
แต่แม่นายแบงก์ขอเอาไว้เขาบอกว่า รักหลานเหมือนหลานแท้ๆ เพราะเลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก ถ้าอยู่กับย่าเลี้ยงเขาจะส่งให้เรียนหนังสือ ช่วงนั้นตนตกงานห่วงลูก ถ้าเอาไปด้วยจะลำบาก จึงตัดสินใจให้ลูกอยู่กับย่าเลี้ยงและพ่อเลี้ยงไปก่อน
หลังจากที่ตนแยกทางกับนายแบงก์ ตนก็ได้หางานทำและไปเยี่ยมลูกพร้อมส่งเงินให้ลูกเป็นประจำ จนกระทั่งช่วงที่โควิด-19 ระบาด ปี 2565 ตนตกงานก็ไม่ได้ส่งเงินให้ลูก ย่าเลี้ยงกับพ่อเลี้ยงก็กีดกันไม่ให้เจอลูก จากนั้นเขาก็พากันย้ายบ้านที่ท่าข้ามไปเช่าบ้านที่อื่นอีกหลายที่ แต่ก็จะอยู่ในละแวกฝั่งธนบุรี ซึ่งเขาไม่เคยบอกที่อยู่ใหม่กับตน ตนพยายามตามหาลูกทุกวิถีทางแต่ก็ไม่พบ
ก่อนหน้านี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว พี่ชายตนได้ส่งคลิปของอินฟลูเอนเซอร์คนหนึ่งมาให้ดู เป็นคลิปของเด็กหญิงขายน้ำส้มตามร้านหมูกระทะและร้านอาหารตอนกลางคืนที่บริเวณแถวลาดหญ้า ตนตกใจมากเพราะเด็กคนนั้นคือ ด.ญ.เอ ลูกสาวของตนเอง ตอนนั้นลูกอายุ 7 ขวบ จากนั้นตนก็พยายามตามหาลูกจนติดต่อกับนายบิว (นามสมมุติ) น้องชายของนายแบงก์ซึ่งมีศักดิ์เป็นอา ได้ทางเฟซบุ๊ก
นายบิว บอกว่า ลูกของตนสบายดี ก็เรียนหนังสืออยู่ปกติ อาให้ตนได้วิดีโอคอลคุยกับลูกบ้างนานๆ ครั้ง ซึ่งตอนที่วิดีโอคอลเขาก็จะอยู่ด้วย ลูกจึงไม่กล้าบอกอะไรกับแม่ ตนรบเร้าบอกกับอาว่าจะขอไปเจอลูกบ้าง และจะรับลูกไปอยู่ด้วย แต่เขาก็ไม่ยอมให้เจอและไม่ยอมบอกว่าอยู่ที่ไหน แถมยังท้าทายว่า ถ้าอยากได้ลูกคืนก็ให้ไปฟ้องเอา จนถึงตอนนี้ 2 ปีกว่าแล้ว ที่ตนไม่ได้เจอกับลูกเลย
น.ส.หน่อย กล่าวอีกว่า ล่าสุดวันที่ 11 พ.ค. 68 พี่ชายของตนที่อยู่ซอยเอกชัย-บางบอน ได้โทรมาหาบอกว่าจะเอาลูกของตนไปส่งให้นอนกับแม่บ้าง เพราะเมื่อวานนี้เพื่อนบังเอิญไปเจอหลานเดินเร่ขายน้ำส้มอยู่แถวสุขสวัสดิ์ เลยชวนหลานมานอนที่บ้านด้วย ซึ่งพี่ชายก็เพิ่งจะรู้ว่านายแบงก์กับย่าเลี้ยงไม่ให้ตนได้เจอหน้าลูกเลย หลานบอกกับลุงว่า “หนูคิดถึงแม่ อยากเจอแม่ ให้แม่มารับหนูไปอยู่ด้วย พ่อเลี้ยงกับย่าเลี้ยงไม่ให้เรียน หนูอยากเรียนหนังสือ” แต่ลุงก็พาลูกมาส่งให้แม่ไม่ได้เพราะนายแบงก์ได้ส่งแชตให้เพื่อนพี่ชายมาบอกว่า ให้รีบส่งหลานกลับทันที
จากนั้นลุงก็ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งหลานที่หน้าร้านสะดวกซื้อแถวห้างสรรพสินค้าชื่อดังบางแค ลุงก็ยังแอบดูหลานอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน ผ่านไปเกือบชั่วโมง นายแบงก์ก็ขี่รถจักรยานยนต์มารับ เมื่อเจอหน้าลูกก็ตบศีรษะและตีที่ลำตัวก่อนจะพาลูกขึ้นรถไปทันที นอกจากนี้คนที่รู้จักตนได้ให้ข้อมูลนายแบงก์ว่า ปัจจุบันอาศัยอยู่ย่านสุขสวัสดิ์ จ.สมุทรปราการ และยังบอกอีกว่าสงสารลูกสาวของตนมากที่ต้องไปเดินเร่ขายน้ำส้มตอนกลางคืน “เด็กคนเดียวต้องหาเลี้ยงทั้งบ้าน”
ตนไม่รู้จะช่วยลูกอย่างไร จึงได้มาขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือพาลูกสาวให้กลับสู่อ้อมอกแม่ เพื่อจะได้ไม่ต้องลำบากอดหลับอดนอนไปเร่ขายน้ำส้ม อดมื้อกินมื้อ และจะได้เรียนหนังสือเหมือนเด็กคนอื่นๆ
หลังรับเรื่อง นาง ปวีณา ได้ขอดูรูป ด.ญ.เอ อายุ 9 ขวบ ลูกสาวจาก น.ส.หน่อย และให้ น.ส.หน่อย ดูรูปด.ญ.คนหนึ่งอายุประมาณ 7 ขวบ ที่มีพลเมืองดีได้เคยแจ้งเรื่องขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาฯ เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 68 ว่า เด็กถูกผู้ชายร่างกำยำอายุประมาณ 30 ปี พามาบังคับให้เดินขายน้ำส้มตอนกลางคืนตามร้านอาหาร
พลเมืองดีระบุว่า เด็กเดินเร่ขายน้ำส้มอยู่ย่านบุคคโล กรุงเทพฯ ถ้า ด.ญ.ขายไม่ได้ตามเป้าหรือง่วงนอนก็ถูกตะคอกทุบตี วันนั้น นางปวีณา จึงได้ประสาน พ.ต.อ.อภิชาติ ทองแพ ผกก.สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เข้าแจ้งความ และประสาน
นางสาวอนินทิตา รุจิประภา พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสมุทรปราการ และ นางสาวอมรรัตน์ สัตบุษย์ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสมุทรปราการ ลงพื้นที่ร่วมกัน เพื่อช่วยเหลือเด็กทันที จากนั้น นางปวีณา ได้ให้น.ส.หน่อย ดูรูปด.ญ.และผู้ชายเดินเร่ขายน้ำส้มที่พลเมืองดีส่งมา ปรากฎว่า ผู้ชายคนดังกล่าว คือ นายแบงก์ อดีตสามีและเป็นพ่อเลี้ยงที่พาลูกของตนหนีไป ส่วนด.ญ.ในรูปคือ ลูกสาวนายแบงก์อีกคนที่เกิดจากภรรยาใหม่ ซึ่งครั้งก่อนนี้ นางปวีณา ได้ประสานเจ้าหน้าที่ พม.ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว แต่ไม่พบคาดว่าเป็นช่วงที่นายแบงก์เปลี่ยนสถานที่ขายไปเรื่อยๆ กระทั่งวันที่ 11 พ.ค.68 เพื่อนลุงไปพบเด็กเร่ขายน้ำส้มในร้านอาหารข้างทางย่านสุขสวัสดิ์ กรุงเทพฯ จำเด็กได้จึงโทรฯ วิดีโอคอลไปหาลุง ยืนยันว่าเป็นหลานและพามาเจอ สืบจนรู้ว่าพ่อเลี้ยงพาเด็กไปอยู่บ้านเช่าในพื้นที่อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
ล่าสุดวันนี้ "ปวีณา" ลงพื้นที่พาแม่เด็กไปพบ พ.ต.อ.อภิชาติ เข้าแจ้งความ และประสาน นางสาวอนินทิตา และนางสาวอมรรัตน์ ลงพื้นที่ร่วมกัน พาตัวพ่อเลี้ยงและเด็กหญิงมาที่ สภ.พระประแดง วินาทีที่สองแม่ลูกได้พบหน้าร่ำไห้โผกอดกันด้วยความดีใจ
พ.ต.อ.อภิชาติ ผกก.สภ.พระประแด กล่าวว่า จากการสอบสวนนายแบงค์ พ่อเลี้ยง ให้การรับสารภาพว่าได้นำเด็กหญิงไปเดินเร่ขายของจริง จึงได้แจ้งข้อหา พรบ.คุ้มครองเด็ก มาตรา 26 (5) บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม ยินยอมหรือกระทำด้วยประการใดให้เด็กไปเป็นขอทาน เด็กเร่ร่อน หรือใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการขอทานหรือกระทำด้วยประการใดอันเป็นการแสวงหาผลประโยชน์จากเด็ก ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระประแดง จะคุมตัวส่งศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสมุทรปราการ วันที่ 7 มิ.ย.นี้