
"บิ๊กเต่า" เตรียมสอบกว่า 10 วัด พบเส้นเงินเอี่ยวคดี "วัดไร่ขิง"
"บิ๊กเต่า" เผย เตรียมเข้าตรวจสอบกว่า 10 วัด หลังพบเส้นเงินคดีวัดไร่ขิงโอนเข้า พร้อมเร่งติดตามทรัพย์ อาจขยายไปถึงฟอกเงิน
5 มิ.ย. 2568 ที่กองบังคับการปราบปรามทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รองผบช.ก.) ประชุมความคืบหน้าคดีวัดไร่ขิง ภายหลังจับกุมตัวนางพชรพร พัศรานุวัฒ หรือ หมอเตย และ พ.จ.อ.ฉัตรชัย อินทร์มี สามี
ภายหลังประชุมกว่า 1 ชั่วโมง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า วันนี้ประชุมการขยายผลเรื่องเส้นเงินที่เรียกว่า "เงินมืด" ที่ไม่ได้อยู่ในบัญชีที่ทางตำรวจตรวจสอบไปแล้ว โดยเงินดังกล่าวมีหลายส่วน
ส่วนแรกคือ เงินที่ได้จากการตั้งร้านขายของในงานประจำปี ,เงินทำบุญวัด 100 ปี ,เงินกฐิน และเงินร้านค้าสวัสดิการ โดยยอดเงินรวมกันทั้งหมดประมาณกว่า 250 ล้านบาท
อีกส่วนคือ เงินยืมจากวัดอื่นๆอีก 300 ล้านบาท ส่วนเงินที่มีการโอนออกจากบัญชีวัดและเงินที่ได้จากการทำบุญทั้งหลาย เวลาเอาไปตรวจนับ เชื่อว่า การตรวจนับไม่ตรงตามที่ได้ โดยเป็นเงินจำนวนมากหลายปีต่อเนื่อง
ยังมีเงินที่ยังตรวจสอบไม่ได้ คือ เงินจากเจ้าอาวาสองค์เก่า มีจำนวนหลายร้อยล้านบาทเช่นกัน
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตรวจพบเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับการโอนเข้าไปมากกว่า 10 วัด ในพื้นที่จังหวัดนครปฐมและจังหวัดอื่นๆ แต่ขอสงวนรายชื่อวัดเหล่านี้ไว้ก่อน เนื่องจากอยู่ในการสอบสวน ซึ่งตรงนี้จะทำการตรวจสอบวัดที่เกี่ยวข้อง โดยจะเข้าไปสอบปากคำ นายแย้ม เพิ่มเติมในเรือนจำ ซึ่งจะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์หน้า
ส่วนเส้นเงินมูลนิธิเมตตาประชารักษ์ มีการประสานกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) แล้ว เป็นตู้ของโรงพยาบาลที่ยังมีเงินอยู่ ส่วนก้อนเงินที่นายแย้มไปยืมจากมูลนิธิฯ กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะเป็นคดีหรือไม่ ต้องดูเหตุผลว่า เพียงพอสำหรับการยืมหรือไม่
โดยการขยายผลพบความผิดหลายกรรมเพิ่มขึ้น จากการขอหมายจับครั้งก่อน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งติดตามทรัพย์ อาทิ ที่ดิน ที่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติม และขยายไปถึงเรื่องฟอกเงินอีกด้วย
ส่วนกรณีรถทั้งหมด 20 กว่าคัน ทางด้านหมอเตยให้การรับสารภาพ และคืนให้วัด 4-5 คัน ที่เหลือ พบว่า ยังอยู่ในบัญชีรายชื่อที่ไม่มีความชัดเจนว่าใครเป็นผู้ครอบครอง อาจจะเป็นญาติหรือสามี และนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง