น้องเดียร์ มมส. โชว์ผลตรวจเลือดไม่ติด HIV เอาผิดเพจดังทำอับอาย | คมชัดลึก

3 มิ.ย. 2568 ที่ห้อง MBS Co-Working Space คณะการบัญชีและการจัดการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม รศ.ดร.จรวย สาวิถี คณบดีคณะการบัญชีและการจัดการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร น้องเดียร์ และคุณแม่ แถลงข่าวกรณีเพจเฟซบุ๊ก "น้องใหม่ มมส 69" และ "Tik Tok" แอบอ้างชื่อมหาวิทยาลัยและเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนกล่าวหาติดเชื้อ HIV 

ด้านน้องเดียร์ นิสิตชั้นปี 2 คณะการบัญชีและการจัดการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เปิดเผยว่า จากข่าวที่ออกมาผลกระทบที่ได้รับก็คือ ความอับอาย ชื่อเสียงและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของตัวเอง มีคนนำคลิปของตนที่เคยโพสต์ในติ๊กต๊อกไปตัดต่อใหม่ และประจานว่าตน คือ น้องเดียร์ ปี 2 คณะการบัญชี ที่ติดเชื้อ HIV ซึ่งไม่เป็นความจริง ทำให้โดนแขวนในโซเชี่ยล มีคนแชร์ไป 60,000 กว่าแชร์ มียอมวิว 600,000 กว่าวิว ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ 

 

ซึ่งผู้โพสต์เป็นแอคหลุม ไม่รู้ว่าคนโพสต์คือใคร พยายามทักไปขอให้ลบคลิป บอกว่า มันไม่ดี มันไม่ใช่ข่าวจริง ทำให้ตนโดนบล็อกจากแอคหลุม ซึ่งในแชตที่คุยกับแอคหลุม ก็มีการท้าทายด้วยว่า ที่ลบคลิปออกไป ไม่ได้กลัวว่าจะถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย แต่ถูกติ๊กต่อกแจ้งว่าโดนละเมิด ก็เลยต้องลบ ซ้ำยังท้าทายว่าให้มาหาให้มาเจอได้เลย เมื่อไหร่จะมา ดีแต่ขู่อย่างกับหมา โดยคุณแม่ก็ได้พาไปแจ้งความและจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด 

 

นอกจากนี้ยังได้พาไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลและเอาผลตรวจมายืนยันว่า ไม่ได้ติดเชื้อ HIV ซึ่งชื่อของผู้ชายเป็นสิบกว่าชื่อที่ปรากฏในโพสต์ ตนเองไม่มีเพื่อนหรือญาติหรือคนรอบตัวที่มีชื่อพวกนั้น อยากจะบอกคนที่เข้าใจผิดว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องจริง ตนเองเกิดความเสียหาย อับอาย ที่ต้องออกมาเปิดหน้าสู้ ก็เพราะว่า ข่าวที่ออกมามันเป็นข่าวปลอม ไม่ใช่ข้อเท็จจริง จึงกล้าที่จะเปิดหน้าสู้กับความเป็นจริง คำที่รุนแรงในโพสต์ที่มันรุนแรง อาทิ เอาไม่เลือกเลยนะ, จำหน้าได้บ้างรึป่าว, เป็นเอดส์ เป็นนู่นเป็นนี่ อยากให้ทุกคนเสพข่าวดี ๆ อยากให้คิดก่อนที่จะโพสต์หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ออกมา ไม่ใช่เชื่อไปหมดซะทุกอย่าง 

 

รศ.ดร.จรวย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้หลังปรากฏเป็นข่าวว่า นิสิตคณะบัญชี ปี 2 ม.มหาสารคาม ติดเชื้อ HIV และมีสัมพันธ์กับชายหนุ่มหลายคน ก่อนที่จะไปตรวจพบว่าติดเชื้อ HIV ซึ่งข้อความที่แพร่ออกไป มีการบิดเบือนจากข้อเท็จจริง ซึ่งเพจ น้องใหม่ มมส 69 ได้แอบอ้างชื่อมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และระบุตัวตนของนิสิตอย่างชัดเจน โดยปรากฏว่า มีบัญชีผู้ใช้ Tik Tok รายหนึ่ง นำวีดีโอของ น้องเดียร์ นิสิตชั้นปีที่ 2 คณะการบัญชีและการจัดการ ไปเผยแพร่ โดยพาดพิงว่า เธอคือ “เดียร์ บัญชี ปี 2” ทำให้เกิดกระแสความเข้าใจผิด ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชื่อเสียงและสภาพจิตใจของนิสิต โดยคณะการบัญชีและการจัดการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ขอเรียนชี้แจงและแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน ดังนี้

1. เพจ “น้องใหม่ มมส 69” และบัญชี TikTok ที่เกี่ยวข้อง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับคณะฯ หรือมหาวิทยาลัยมหาสารคาม การกระทำดังกล่าวถือเป็นการแอบอ้างและละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง 
2. คณะฯ ได้ให้ความช่วยเหลือแก่นิสิต(น้องเดียร์) ทั้งด้านจิตใจและสิทธิทางกฎหมาย พร้อมทั้งดำเนินมาตรการในการปกป้องชื่อเสียงของนิสิตอย่างใกล้ชิด 
3. คณะฯ ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในข้อหาการแอบอ้างชื่อหน่วยงาน และการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 และจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด 
4. คณะฯ เน้นย้ำว่าการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลหรือพาดพิงบุคคลใดบนสื่อออนไลน์โดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และอาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย 
5. คณะฯ ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไป โปรดหลีกเลี่ยงการแชร์หรือเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และร่วมกันใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์ เคารพสิทธิและศักดิ์ศรีของทุกคนในสังคม

 

โดยในการแถลงข่าวน้องเดียร์ และคุณแม่ของน้องเดียร์ ได้โชว์ผลการตรวจเลือดจากโรงพยาบาลของรัฐ โดยผลการตรวจหาเชื้อ HIV เป็นลบ ยืนยันว่าไม่ได้ติดเชื้อ HIV ตามที่ถูกแอบอ้าง รวมถึงใบแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่แอบอ้างชื่อและนำเสนอข้อมูลอันเป็นเท็จว่าเธอเป็นผู้ติดเชื้อ HIV และมีความสัมพันธ์ที่ทำให้ผู้อื่นติดโรคจากเธอ 

 

ด้านแม่ของน้องเดียร์ เปิดเผยว่า ขอบคุณทางมหาวิทยาลัย และคณะการบัญชีและการจัดการที่ไม่นิ่งเฉย และช่วยเหลือให้คำปรึกษา เล็งเห็นความสำคัญของนิสิตนักศึกษา ซึ่งตอนแรกที่เห็นข่าวรู้สึกตกใจและเสียใจ ซึ่งเริ่มแรกเป็นโพสต์ที่ออกมาเป็นแค่ข้อความ แต่ถัดมาอีกวันปรากฏว่า มีคลิปของลูกสาวที่เคยโพสต์แนะนำมหาวิทยาลัยฯ ปรากฏในติ๊กต่อก แต่กลับกลายเป็นว่าถูกใส่ข้อความว่า คนๆนี้ ซึ่งเป็นลูกเรา ที่ป่าวประกาศตัวเองว่า ติดเชื้อ HIV สืบเนื่องจากนายอาท / ฟิลม์ / กล้า / ไผ่ และอีก 4-5 คน จำไม่ได้ ซึ่งคลิปนี้ มียอดวิวถึง 6 แสนวิว ยอดแชร์อีกกว่า 60,000 แชร์ พอเห็นแบบนี้ในความรู้สึกของแม่คือ มันไม่เป็นความจริงอยู่แล้ว แต่คนอื่นที่เค้าไม่รู้จักลูกเรา พอเค้าเสพข่าวนี้แล้ว ซึ่งคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคอมเม้นท์มันรุนแรงเกินไป ตื่นเช้ามาลูกนั่งซึมทั้งวัน ทำให้แม่อยู่เฉยไม่ได้ พาน้องไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ 

 

ซึ่งคนที่โพสต์ใช้แอคหลุม เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ตัวตนเป็นใครและให้น้องปรึกษากับทางคณะและมหาวิทยาลัยฯ ซึ่งช่วยเหลือดีมาก ถามว่าแม่ต้องการอะไร คือ มันเสียความรู้สึก เสียใจ เสียภาพลักษณ์ของน้อง และภาพลักษณ์ของสถาบัน ก็เลยอยากจะออกมาบอกว่า ทุกอย่างไม่เป็นความจริง และแม่ได้พาน้องไปตรวจเลือดแล้ว ผลออกมาเป็นลบ ซึ่งแม่อยากฝากถึงคนที่เสพข่าวว่า ขอให้เสพข่าวอย่างมีสติ ถ้าอันไหนยังไม่รู้ว่าเป็นความจริง อย่าเพิ่งคอมเม้นท์อะไรลงไป เพราะบางคอมเม้นท์ก็อาจจะส่งผลเสียกับบุคคลอื่น 

 

ซึ่งถ้าเด็กมีจิตใจที่เข้มแข็ง เค้าก็อาจจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ แต่หากเด็กอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีคนรอบข้างในกำลังใจเค้า ก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง เพราะคุณแม่เคยเจอเหตุการณ์เด็กคนนึงไม่มีที่ปรึกษาปัญหาชีวิต สุดท้ายเด็กคนนั้นก็ผูกคอตาย ขอให้สื่อมวลชนช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับน้องด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องจริง มันไม่ได้ส่งผลเสียแค่กับตัวของน้อง แต่มันส่งผลเสียต่อสถาบัน และคนรอบข้างของน้องด้วย