
ผบ.ตร. กล้านั่งอากาศยาน เสาร์นี้บินไปทองผาภูมิ แม้ยังไม่ตรวจสอบ
ผบ.ตร. ยืนยัน เสาร์นี้บินไปทองผาภูมิ ยังกล้านั่งอากาศยาน แม้ยังไม่ทราบสาเหตุุฮ.ตก สั่งจเรฯตรวจสอบทุกประเด็น เผยปี 70 มีแผนซื้อเครื่องใหม่
28 พ.ค. 2568 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางเข้าร่วมประชุม พูดคุยและรับฟังข้อมูล ตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดของอากาศยานกองบินตำรวจทั้งหมด พร้อมเปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 2 ครั้งใน 1 เดือน ในฐานะผู้บริหารองค์กรก็ต้องการให้กำลังใจและมาสร้างความมั่นใจ เพื่อให้นักบินใช้อากาศได้อย่างมั่นใจ มองว่าจะต้องมีการพูดคุยลงรายละเอียดในบางเรื่อง เพื่อให้สามารถใช้อากาศยานของกองบินได้อย่างปลอดภัย
ส่วนที่มีการเผยแชตของนักบินที่เสียชีวิตส่งให้กับเพื่อน ตัดพ้อเครื่องแทบบินขึ้นไม่ได้แล้ว พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นแชตข้อความที่มีการส่งกันหรือแสดงความคิดเห็นต่อกัน ตนเองให้ความเคารพและจะไม่ตัดสินว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ทุกความเห็นและข้อความที่มีการส่งกัน เราพร้อมจะรับฟัง ขณะนี้กำลังมีการตรวจสอบอยู่ ตนเองทราบ ได้สั่งการไปยัง พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในขั้นตอนการตรวจสอบ และจะต้องไม่มองข้ามประเด็นที่มีการพูดคุยกันอยู่
ส่วนที่ปรากฎข้อความการทุจริตในการซ่อมบำรุง ไม่ใช่อุบัติเหตุนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ไม่ปฏิเสธในเรื่องของการส่งข้อความหรือไม่ใช่การไม่รับฟัง แต่ให้จเรตำรวจแห่งชาติรับฟังทุกประเด็น โดยทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไร เรื่องเครื่องบินตกก็เป็นการตรวจสอบ ส่วนสาเหตุก็ต้องไปตรวจสอบเรื่องของการบริหาร การใช้อากาศยานว่าเป็นอย่างไร เพราะเป็นการตรวจสอบจากหน่วยงานในประเทศ ขณะนี้ก็ยังไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไรกันแน่ เพราะยังเร็วเกินไป ดังนั้นจึงได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ โดยจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทที่สั่งซื้อเฮลิคอปเตอร์มาร่วมตรวจสอบด้วย
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า เฮลิคอปเตอร์ตก เกิดจากชุดสลิงใบพัดขาด พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า เมื่อมีพูดกัน แสดงความเห็นกัน เป็นที่แสดงความคิดเห็นและวิเคราะห์วิจารณ์ได้ สิ่งเหล่านี้เอามาหมด เพราะเป็นประเด็น ดังนั้นการตรวจสอบจะต้องเคลียร์ทุกประเด็น
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยืนยันว่า ผลการตรวจสอบที่ออกมาจะเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา หากพบการทุจริตจะจัดการอย่างเด็ดขาดทันที ไม่อยากให้กังวลว่า ผบ.ตร.จะช่วยใครหรือไม่ ตนไม่ช่วยอยู่แล้ว เพราะนี่เป็นเรื่องที่เราสูญเสีย สูญเสียที่ไม่สามารถประเมินความรู้สึกได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องทุจริต อุบัติเหตุ หรือการบริหารที่ผิดพลาด กำลังให้ตรวจสอบอยู่ รวมถึงหากผิดพลาดในการบริหาร หรือ งบประมาณ จะให้ สำนักงานตรวจสอบภายใน หรือ สตส. ที่มีหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบซ้ำ
ส่วนแชตดังกล่าวจะเป็นการสะท้อนว่า ผู้ปฏิบัติงานไม่กล้ารายงานปัญหาต่อผู้บังคับบัญชาหรือไม่นั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ตอบว่า คงต้องตรวจสอบ และย้ำว่าไม่ปฏิเสธเรื่องการรับฟังความเห็น หรือข้อความต่างๆ
ส่วนกรณีที่เครื่องบินตกที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 25 เมษายน นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยได้ส่งกล่องดำไปให้บริษัทแม่ที่ประเทศแคนนาดาแล้ว ตนเองยังไม่ได้รับข้อมูลผลการตรวจสอบกล่องดำ คาดว่าจะต้องใช้เวลา เพราะการตรวจสอบครั้งนี้ ไม่ได้ตรวจสอบเพียงหน่วยงานเดียว เพื่อให้เกิดความโปร่งใส
ส่วนเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์จำนวน 2 ครั้ง ที่เกิดขึ้นเป็นการตกหลังจากการซ่อมบำรุงหรือไม่ และจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับการซ่อมบำรุงหรือไม่นั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เรื่องการซ่อมบำรุงเป็นไปตามวงรอบ ร้อย สองร้อย สามร้อยชั่วโมง ที่เป็นชั่วโมงการบิน เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนการตรวจการเช็ค ถ้าไม่ตรวจเช็คจะเป็นความผิดปกติ และหลังตรวจเช็คแล้วนักบินก็ต้องร่วมตรวจสอบด้วย เมื่อมั่นใจว่าสามารถบินได้จึงจะทำการขึ้นบินทางอากาศได้ และยืนยันว่า ในวันเกิดเหตุ ไม่ได้เป็นการทดสอบหลังการซ่อมบำรุง แต่เป็นการขึ้นบินตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายและอยู่ระหว่างกลับที่ตั้ง และเกิดเหตุขึ้นมา
ทั้งนี้การซ่อมบำรุงในแต่ละครั้ง ทุกอย่างอยู่ที่กระบวนการตั้งงบประมาณและเข้าสู่กระบวนการจัดจ้างในการซ่อมบำรุงให้ถูกต้องตามระเบียบพัสดุ ส่วนบริษัทเป็นคนรับผิดชอบในการซ่อมนั้นตนเองไม่ทราบ แต่ยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้เป็นผู้ซ่อมเอง แต่หากเป็นการซ่อมย่อย จะดูว่าอะไหล่ สามารถสั่งซื้อได้จากที่ไหนที่ได้คุณภาพ แต่หากเป็นการซ่อมใหญ่ จะต้องมีการจัดจ้างในงบประมาณที่สูงขึ้น
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยืนยันว่า งบประมาณที่ใช้ในการซ่อมบำรุง ที่จัดตั้งอยู่เป็นการประมาณการในเบื้องต้น แต่อาจจะไม่เพียงพอในกรอบที่ตั้งไว้ ซึ่งก็จะต้องพิจารณาหางบประมาณมาทำให้อากาศยานบินได้ และที่จอดอยู่ มีทั้งการตรวจสอบตามวงรอบ และรออะไหล่ ไม่สามารถบินได้
ส่วนกรณีที่ ผบ.ตร.มีคำสั่งระงับการใช้อากาศยานทุกลำของกองบินตำรวจเพื่อรอการตรวจสอบก่อนนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ย้ำว่า ตนเองได้ระงับ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบ และสร้างความมั่นใจ โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมตรวจสอบให้พร้อมที่จะบิน และผู้ที่ตรวจสอบจะต้องลงชื่อร่วมกัน เพื่อให้เกิดความมั่นใจ โดยจะใช้เวลาในการตรวจสอบไม่นาน เพราะไม่ใช่การซ่อมบำรุงตามวงรอบ แต่หากเจอความผิดปกติก็จะส่งเข้าสู่การซ่อม แต่เป็นการซ่อมเล็กไม่ใช่วงรอบซ่อมใหญ่ ซึ่งบริษัทเข้าร่วมตรวจสอบจะให้กองบินตำรวจดำเนินการ และให้รายงานมาที่ฝ่ายบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนอากาศยานลำใดที่มีความจำเป็นในภารกิจเร่งด่วน ก็จะอยู่ลำดับต้นๆของการตรวจสอบ ซึ่งการตรวจสอบแบบนี้ กองบินตำรวจสามารถทำได้เอง และตนเองอยากให้นักบินเข้าร่วมตรวจสอบด้วยเพื่อให้เกิดความโปร่งใส
สำหรับอากาศยานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ประจำการอยู่ มีอากาศยานหรือเครื่องบินทั้งหมด 11 ลำ เฮลิคอปเตอร์ 71 ลำ ส่วนใหญ่เป็นอากาศยานที่รอจำหน่าย และมีเกือบ 30 ลำ ยังใช้งานได้อยู่ โดยเป็นเฮลิคอปเตอร์ 22 ลำ ที่ใช้งานได้อยู่ โดยลำที่มีอายุมากสุด มีอายุมากกว่า 40 ปี และอายุเฮลิปคอปเตอร์ที่น้อยสุด ประมาณ 3-4 ปี
เมื่อถามว่ากรณีที่ ผบ.ตร. มีภารกิจที่ใช้อากาศยานในวันเสาร์ที่ 31 พ.ค.นั้น กล้าใช้หรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ตอบทันทีด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า "กล้าครับ ต่อให้ตอนนี้ยังไม่มีการตรวจสอบก็กล้าครับ นี่พูดจริงๆเลย เพราะวันเสาร์นี้ผมจะไปทองผาภูมิ และ กล้า ที่จะตรวจสอบเรื่องทุจริต เอาให้ตรงไปตรงมาเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ดังนั้นไม่กลัวที่จะเป็นผู้ตรวจสอบและเป็นผู้ดำเนิอนการ ให้ไปในทิศทางที่ถูกต้อง ไม่กลัวแน่นอนครับ”
ทั้งนี้ที่ฝ่ายค้านอภิปรายเมื่อปี 2563 ว่า กองบินตำรวจมีการทุจริต ตนเองไม่ขอพูดเพราะขออยู่กับปัจจุบัน ส่วนใครที่มีแนวคิดทุจริต ตนเองขอยืนยันด้วยความเป็นตัวตน จะดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะเป็นเรื่องที่รับไม่ได้
ขณะที่จะทำแผนจัดซื้อหาอากาศยานตามที่นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการหรือไม่นั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า นายกรัฐมนตรีได้สอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น และแสดงความห่วงใยและเสียใจ และนายกรัฐมนตรีระบุว่า สิ่งใดที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความจำเป็นเร่งด่วน ทั้งการซ่อม หรือเรื่องการจัดหาอากาศยานใหม่ ก็ขอให้ไปพิจารณา โดยตนเองจะต้องเอาข้อมูลทั้งหมดมาดู เหตุผลความจำเป็น และภารกิจที่เกิดขึ้น เพราะมีทั้งที่ใช้ได้และที่รอจำหน่าย โดยยืนยันว่า ในปี 2569 จะไม่มีการจัดซื้อเครื่องบินใหม่ แต่มีแผนจะตัดซื้อตั้งแต่ปี 70 เป็นต้นไป ทั้งเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์
ส่วนการซ่อมบำรุงก็จะซ่อมตามวงรอบ โดยจะเตรียมงบประมาณในการซ่อม แต่บางลำอาจจะต้องจัดซื้ออะไหล่ และต้องใช้เวลารอนาน ส่วนแผนการใช้ปัจจุบัน หากหน่วยราชการอื่นร้องขอสนับสนุนภารกิจ จำเป็นต้องมีอากาศยาน ในอนาคต จะมีการนำโดรนมาใช้ประโยนช์งานแต่ละภารกิจด้วย
ส่วนกรณีที่นักบินไม่มั่นใจในเครื่องที่จะบิน มีสิทธิปฏิเสธภารกิจหรือไม่นั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ทุกครั้งนักบินต้องมีการตรวจสอบอากาศยาน และที่ อ.หัวหิน นักบินก็มีการตรวจสอบและขอนำเครื่องขึ้น
"นักบินต้องมั่นใจในเครื่องบินของตัวเอง เมื่อมีภารกิจขึ้นมา นักบินที่มีชั่วโมงบินกับเครื่องบินลำนั้น ก็ต้องไปรับภารกิจและมีการตรวจสอบ พร้อมย้ำว่า การเดินทางมาที่กองบินตำรวจมาเพื่อสร้างความมั่นใจและกำชับการบริหารงานของกองบินตรวจอย่างจริงจัง