
เล่านาทีเกิดเหตุ ทหารพรานปืนลั่นยิงเพื่อนทหาร เจ็บ 1 นาย
เล่านาทีเกิดเหตุ ทหารพรานปืนลั่นยิงเพื่อนทหารได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ล่าสุดเจอตัวแล้วอยู่ระหว่างเกลี้ยกล่อม ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ
21 พ.ค. 2568 เวลาประมาณ 15.00 น. ทางด้าน พันตำรวจเอก อาภากร วิรูปักษ์อารักษ์ ผกก.สภ.ปะนาเระ ได้รับแจ้งมีเหตุใช้อาวุธปืนภายในฐาน ชุด ร้อย.ทพ.4215 กรมทหารพรานที่ บ.น้ำบ่อตะวันออก ม.5 ต.บ้านน้ำบ่อ อ.ปะนาเระต.น้ำบ่อ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี จึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุ
พบว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้รับบาดเจ็บ 1 นายทราบชื่อ อส.ทพ.พงษ์เดช (สงวนนามสกุล) ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่บริเวณ ท้องและแขน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลปะนาเระ ส่วนผู้ก่อเหตุหลังจากที่ใช้อาวุธปืนยิงเพื่อนทหารแล้ว ได้นำอาวุธปืนที่ยิงหลบหนีไปด้วย
ทราบชื่อ อส.ทพ.ประวิทย์ (สงวนนามสกุล) โดยสถานการณ์ล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ได้พบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว และกำลังเกลี้ยกล่อมเพื่อให้มอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ สำหรับมูลเหตุในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้เปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นว่า ในขณะที่ อส.ทพ.พงษ์เดช เพื่อนทหารกำลังจะไปซ่อมปั๊มน้ำที่เสียซึ่งอยู่ด้านหน้าของฐาน โดยได้บอกกับผู้ก่อเหตุว่าจะไปซ่อมปั๊มน้ำ ขณะเดินออกไปหน้าฐาน ปรากฏว่า อส.ทพ.ประวิทย์ ได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่ อส.ทพ.พงษ์เดช โดยไม่ทราบสาเหตุ กระสุนปืนถูกเข้าที่บริเวณท้องและลำตัวได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ท่ามกลางความตกใจของเพื่อทหารที่อยู่ในฐาน ก่อนที่จะหลบหนีออกจากฐานพร้อมปืนไปด้วย
ส่วนสาเหตุยังคงต้องสอบสวนข้อเท็จจริงว่าเกิดจากการทะเลาะส่วนตัวหรือเกิดจากความเครียดกันแน่ รายละเอียดจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ขณะที่เฟซบุ๊กเพจ "กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า" แจ้งเตือนข่าวปบอมอย่าหลงเชื่อระบุว่า จากกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์มีการโพสต์ถึงเหตุการณ์ทหารคลั่งยิงกันเอง ทำให้ได้รับบาดเจ็บ 4 เสียชีวิตอีก 1 ในพื้นที่อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี นั้น ทำให้เกิดการเข้าใจผิดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเหตุการณ์จริงคือ อาสาสมัครทหารพรานจากกองร้อยทหารพรานที่ 4215 ตำบลบ้านน้ำบ่ออำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี ทำปืนลั่นใส่กันเอง ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 1 นาย คืออาสาสมัคร พงษ์เดช นาแนวสุข ปัจจุบันได้นำส่งโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนโปรดใช้วิจารณญาณในการเปิดรับข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้าน ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนที่จะเชื่อ หรือก่อนส่งต่อข้อมูลดังกล่าวออกไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวม และขอให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูลจากสื่อที่เป็นทางการสามารถพิสูจน์ตัวตนได้ หรือสามารถตรวจสอบได้ที่ สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า หมายเลข 1341 หรือสายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 หมายเลข 06 -1173 - 2999
และขอเรียนให้ทราบว่า การนำเข้าข้อมูลที่บิดเบือนหรือเป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ที่อาจจะเกิดความเสียหายต่อประชาชนจะมีความผิดทางกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะมีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ