
เปิดใจ 2 เด็กนักเรียน ถูก ผอ.ใช้ไปเชิญธงชาติขึ้นเสา ท่ามกลางสายฝน
ด.ญ. และ ด.ช. ยอมรับ กลัวมาก ขณะ ผอ. ใช้ให้ไปเชิญธงชาติขึ้นเสา ท่ามกลางสายฝน แม้กลางร่มแต่หวั่นเหล็กเป็นชนวนล่อฟ้า ขณะที่ผู้ปกครองรับไม่ได้ หากเกิดเตุขึ้น ใครรับผิดชอบ
จากกรณีที่ครูสาวของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ชุมพร โพสต์คลิป ผอ. สั่งให้นักเรียนไปเชิญธงชาติขึ้นเสา ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ในช่วงเช้าของวันที่ 16 พ.ค. ที่ผ่านมา
ในคลิปครูผู้น้อยคนดังกล่าวได้ใส่ข้อความว่า "ฝนตกหนักก็ต้องเชิญธงชาติกลัวเขตตำหนิ ห่วงธงแต่ไม่ห่วงเด็ก ความเป็นครูไม่หวัง แต่ความเห็นอกเห็นใจควรมีนะคะ อายุไม่ใช่น้อยๆ ขณะที่ครูทำอะไรก็นึกถึงเด็กก่อนเป็นอันดับแรกเสมอ ร่มคันเล็กๆ 1 คัน/เด็ก 2 คน ถามจริงคิดแล้วหรอคะ
ยังไงเด็กก็เปียกและก็เปียกไปทั้งตัว ในฐานะครูใจสลายมากกับเหตุการณ์เมื่อวาน ทำเต็มที่แต่ปกป้องเด็กเราไม่ได้เลย เพราะเป็นแค่ครู เราไม่มีอำนาจขนาดนั้นและครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก หนักหนามากๆ สิ่งที่ทำกับครูพอทนได้ แต่กับนักเรียนรับไม่ได้ค่ะ แจ้งทางต้นสังกัดไปเรื่องก็เงียบ เราควรปล่อยให้อนาคตของชาติอยู่กับผู้บริหารแบบนี้จริงๆหรอค่ะ"
นอกจากนี้ยังใส่ข้อความอีกว่า "ถ้าไม่หมดหนทางคงไม่ทำแบบนี้ อยากให้เด็กๆได้รับความช่วยเหลือเพราะเขาคือบุคคลที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ทำยังไงได้บ้างค่ะ ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ"
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับนักเรียนที่เชิญธงชาติท่ามกลางสายฝนซึ่งบ้านอยู่ห่างจาก โรงเรียนเพียง 200 เมตร ได้พบกับ ด.ช.อ้น (นามสมมุติ) และ ด.ญ.อึ่ง (นามสมมุติ) คนกางร่มให้ โดยมี น.ส.สายสุนี มีเมฆ อายุ 36 ปี และ น.ส.รานี ยอดทองหอม อายุ อายุ 40 ปี ทั้งสองเป็นแม่ของเด็กๆ
ด.ช.อ้น และ ด.ญ.อึ่ง ยอมรับว่า วันนั้นกลัวมากแต่ไม่กล้าที่จะปฏิเสธเพราะเกรงว่า ผอ.จะไปต่อว่าคุณครูของพวกตนว่าสอนเด็กอย่างไร ทำไมไม่เชื่อฟังคำสั่ง จึงจำต้องกางร่มฝ่าสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก เพื่อไปเชิญธงชาติตามที่ ผอ.ได้ดึงตัวไปอย่างไม่สมัครใจ และเมื่อไปยืนเชิญธงชาติ ก็กลัวว่าฟ้าจะผ่าลงมาเพราะร่มเป็นเหล็กไม่รู้ว่าจะเป็นชนวนล่อฟ้าหรือเปล่า
ด้าน น.ส.สายสุนี กล่าวว่า ตนเองมารู้หลังจากที่ได้ร่วมประชุมกับ ผอ.โรงเรียนแล้ว โดยครูประจำชั้นได้มาบอกว่าเมื่อเช้าเกิดอะไรขึ้น และให้ตนเองดูคลิปที่ถ่ายไว้ โดยครูประจำชั้นทั้งเล่าให้ฟังและร้องไห้เพราะสงสารเด็ก ตนรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เห็นมันไม่สมควรจะให้เด็กออกไปแบบนั้น ที่ผ่านมาไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เลย ขนาดผู้ใหญ่ยังไม่กล้าออกไปเดินหรือยืนอยู่กลางสายฝนเลย ถ้าเกิดฟ้าผ่าลงมาใครจะรับผิดชอบ
น.ส.สายสุนี กล่าวต่อว่า ตนเองเคยเจอพฤติกรรมที่ไม่ดีของ ผอ. คนนี้มาแล้ว ตอนนั้นลูกชายเป็นแผลที่เท้าเวลาไปโรงเรียนจึงไม่ให้ใส่รองเท้านักเรียนไปเรียนเหมือนปกติ แต่ผอ.การคนนี้ ไม่ฟังเหตุผล กลับลงโทษด้วยการตีลูกชาย และอีกหลายๆเรื่องวีรกรรมของ ผอ. คนนี้ ซึ่งผู้ปกครองทุกคนได้พูดคุยกันแล้ว หากไม่ย้ายผู้อำนวยการคนนี้ไป ก็จะย้ายโรงเรียนกันไปอีกโฝแห่วง ซึ่งอยู่ห่างไปเพียงเล็กน้อยและ ผอ.คนโรงเรียนแห่งนั้นใจดีและอาใจใส่เด็ก แต่ที่ต้องทนตรงนี้ก็เพราะไม่อยากให้โรงเรียนยุบเพราะนักเรียนไม่มี
ด้าน น.ส.รานี กล่าวว่า ไม่อยากให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นมาอีก เพราะหากเกิดความสูญเสียแล้วใครจะรับผิดชอบ ทางโรงเรียนดีมากก็ออกมาแสดงความเสียใจก็เท่านั้น ดังนั้น ผอ. น่าจะปรับตัวให้เข้ากับชุมชนให้ได้ และพรุ่งนี้ทุกคนก็จะไปรวมตัวกันที่โรงเรียนเพื่อขอให้ย้าย ผอ.ไปจากพื้นที่ และขอเปลี่ยน ผอ.ใหม่ที่เข้ากับชุมชมได้ ให้ครบองค์ประกอบคำว่า “บวร” บ้าน วัด โรงเรียน จะต้องอยู่คู่ชุมชน หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ความสมบูรณ์ของชุมชนก็จะไม่มี
ขณะที่ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่โรงเรียนดังกล่าว ตั้งอยู่ใน อ.ปะทิว จ.ชุมพร เป็นโรงเรียนขนาดกลาง เปิดการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล 1-3 และระดับ ป.1-ป.6 มีนักเรียนทั้งหมด 85 คน ซึ่งขณะลงพื้นที่พบเพียง นายโสธร นักการภารโรง กำลังปรับปรุงห้องเก็บของอยู่เพียงคนเดียว เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์โรงเรียนปิด และยังพบว่าบริเวณสนามหญ้าซึ่งมีเสาธงที่ตั้งตระหง่านหน้าอาคารเรียนยังเจิ่งนองไปด้วยน้ำฝนที่ท่วมขัง
นายโสธร เล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 16 พ.ค. ที่ผ่านมา วันนั้นเกิดฝนตกลงมาอย่างหนักมีฟ้าร้องลั่นเป็นระยๆะ ทำให้เด็กนักเรียนต้องยืนเข้าแถวบริเวณหน้าห้องเรียน ณ อาคารเรียนกันทุกชั้น โดยตนเองนั้นได้ยืนอยู่ข้างอาคารเรียน และมาสังเกตเห็นน้องนักเรียนจำนวน 3 คน เป็นเด็กผู้ชาย 1 คน และผู้หญิง 2 คน ซึ่งเป็นนักเรียนอยู่ชั้น ป.6 เดินลงมาจากบันไดอาคารแล้วเดินฝ่าสายฝน โดยมีร่มเพียงคันเดียวกาง 3 คนไปที่เสาธง โดยนักเรียนชายและหญิง 2 คน ทำหน้าที่เชิญธงชาติขึ้นเสาและเด็กผู้หญิงอีกคน เป็นคนยืนถือร่มให้
นายโสธร เล่าต่อว่า ตนเห็นแล้วหดหู่ใจว่า ฝนตกหนักขนาดนี้ ทำไมปล่อยให้เด็กนักเรียนมาเชิญธงชาติขึ้นเสาด้วย รอให้ฝนซาก่อนก็ได้ หลังจากที่เห็นก็ต้องเดินไปพร้อมร่มอีก 2 คัน ไปคอยกางให้ และคอยเงยหน้าดูธงชาติให้ว่าถึงไหนแล้ว เพื่อจะให้พอดีกับเพลงชาติที่จบลงพร้อมธงสุดยอดเสา ตอนเองยอมรับว่าทำใจไม่ได้ เพราะไม่รู้ฟ้าฝนจะเป็นอย่างไร ฟ้าจะผ่าหรือไม่ แล้วถ้าผ่าลงมาถูกเด็กใครจะรับผิดชอบ มันไม่สมควรที่จะปล่อยเด็กให้ออกมากตากฝนเลยแม้จะกางร่มก็ตาม แต่ก็ไม่รอดน้องทั้งสามเปียกปอนไปตามๆกัน
ตนเองเป็นศิษย์โรงเรียนนี้ และที่ผ่านมาไม่เคยพบเจอผู้บริหารคนไหนจะกระทำลักษณะนี้เลย และตนเองยอมรับว่า ตั้งแต่ ผอ.คนนี้มาดำรงตำแหน่งอยู่ที่นี้ ครูหลายคนอึดอัดเป็นอย่างมาก เพราะมักจะทำอะไรก็จะให้ได้ดังใจ จะถูกผิดหรือไม่เขาทำได้รึเปล่าไม่สนใจ จนครูหลายๆคนขอย้ายไปก็มีและยิ่งมาเรื่องนี้อีก ผู้ปกครองหลายคนพูดในทำนองเดียวกัน คือจะขอย้ายโรงเรียนไปอีกโรงเรียนที่อยู่ห่างไป