
"ดีเจเตเต้" ถูกมัดมือไพล่หลัง จ่อยิงกระหม่อม 2 นัด ทิ้งกลางป่าลึก
ชาวบ้านเล่า นาทีพบร่าง "ดีเจเตเต้" เห็นเท้า แต่ไม่กล้าเข้าไป ก่อนเช้ารุ่งขึ้นกลับเข้าไปใหม่ ถึงกับผงะ ถูกมัดมือไพล่หลัง จ่อยิงกระหม่อม 2 นัด
18 พ.ค. 2568 พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 นำกำลังเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ตำรวจชุดสืบสวนเมืองกาญจนบุรี ชุดสืบสวนภูธรลาดหญ้า พร้อมด้วยอาสาสมัครมูลนิธิ พิทักษ์กาญจน์ เดินทางเข้าตรวจสอบจุดพบศพของนายวราพงษ์ ขุนศรีจตุรงค์ อายุ 33 ปี หรือ ดีเจเตเต้ ที่ถูกอุ้มหายไปเมื่อ 5 วันที่ผ่านมา พบร่างอยู่กลางป่าลึก ในพื้นที่หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
การเดินทางไปยังจุดพบศพ ต้องใช้รถโฟวิลลุยป่าเข้ามานานกว่า 20 นาที ก่อนจะเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 5 นาที ศพของดีเจเตเต้ อยู่ในสภาพนอนตะแคง มีเชือกเปล สีเขียว มัดมือทั้งสองข้างไพล่หลังเอาไว้ สภาพศพเริ่มบวมอืด มีหนอนชอนไชยั้วเยี้ย ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่ว ตรวจสอบสภาพศพเบื้องต้น พบรอยคล้ายกระสุนปืนที่บริเวณกระหม่อมจำนวน 2 นัด เจ้าหน้าที่จึงนำศพส่งสถาบันนิติเวชทำการชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง
สอบถามชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งเป็นผู้มาพบศพคนแรก ให้ข้อมูลว่า เมื่อ 3 วันก่อน ตนเองเข้าป่ามาเดินหาเก็บของป่าและเก็บเห็ด แต่เนื่องจากในวันดังกล่าวมีฝนตกท้องฟ้ามืดครึ้ม ทำให้เดินหลงทาง เข้ามาบริเวณจุดที่พบศพ และพบขาของศพยื่นออกมาจากชายป่า ด้วยความตกใจจึงไม่กล้าเข้าไปดูใกล้ๆ และรีบกลับไปที่บ้านของตัวเอง แต่เมื่อกลับไปที่บ้านแล้ว
ตลอดทั้งคืนกลับเห็นแต่ภาพขาศพที่ลอยวนเวียนอยู่ในหัว จึงไปเล่าให้กับญาติฟัง ประกอบกับย่าเห็นข่าวของดีเจเจ้ที่หายตัวไป วันนี้จึงได้ตัดสินใจเดินทางกลับเข้ามายังจุดที่พบศพอีกครั้ง และเห็นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของศพตรงกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ดีเจเตเต้ใส่ในคืนก่อนหายตัวไป ถึงแน่ใจว่า น่าจะเป็นศพของดีเจเตเต้ และรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรลาดหญ้า ให้เดินทางเข้ามาตรวจสอบดังกล่าว
นางสาวเปรมยุดา แฟนสาวของ ดีเจเตเต้ ให้ข้อมูลว่า ก่อนจะเกิดเรื่องเคยมีการพูดคุยกับดีเจเตเต้ถึงเรื่องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนางสาวน้ำหลายครั้ง โดยตนพยายามขออย่าให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกัน ซึ่งดีเจเตเต้ก็บอกว่าไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกันแล้ว ตนก็ไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้ จะรุนแรงถึงขั้นต้องเอาชีวิตกัน
ขณะที่ นายวิเชียร พ่อของดีเจเตเต้ กล่าวว่า หลังจากได้พบศพแล้วก็รู้สึกเบาใจขึ้น ที่อย่างน้อยก็ได้เจอศพลูกของตนเอง หลังจากนี้ก็จะเข้าไปทำพิธีเชิญวิญญาณ และนำศพของลูกกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา ส่วนเรื่องของคดีความ ก็คงเป็นเรื่องของทนายความ และ การติดตามตัวคนร้ายก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนพฤติกรรมการก่อเหตุของคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนจ่อยิงที่ศีรษะถึง 2 นัด ถือว่า โหดเหี้ยมมาก ตนอยากจะฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยทำงานอย่างเต็มที่ ติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ ให้ชาวบ้านรู้สึกว่าตำรวจไทยสามารถเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้