
ชายคลั่งบุกวัด ขู่ฆ่าเจ้าอาวาส ฟันรูปปั้นย่าโม่ อ้างถูกทำคุณไสย
ชายคลั่งถือมีดบุกวัดโคราช ขู่ฆ่าเจ้าอาวาส ฟันรูปปั้นย่าโม่ ทุบรูปปั้นปู่ตาเจ้าบ้าน อ้างถูกทำคุณไสย ครอบครัวพัง
จากเหตุชายคลุ้มคลั่ง ถืออาวุธมีดบุกเข้าไปในวัดหนองซำ ตำบลกงรถ อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา พร้อมตะโกนโหวกเหวกโวยวายถามหาเจ้าอาวาส หวังจะใช้อาวุธมีดทำร้าย ชายรายนี้อ้างว่า เจ้าอาวาสทำให้เดือดร้อน ครอบครัวแตกแยก ซึ่งพระสงฆ์และคณะกรรมการหมู่บ้านต้องใช้ไม้ไล่ชายคนดังกล่าวออกไปจากวัด
ก่อนหน้านี้ก็เคยใช้มีดฟันรูปปั้นย่าโมที่ตั้งอยู่ภายในวัดและทุบทำลายรูปเหมือนปู่ตาเจ้าบ้าน ที่ศาลปู่ตาด้านหน้าวัด ได้รับความเสียหาย
ล่าสุด นายธนบูรณ์ เกรียงกราว อายุ 75 ปี ซึ่งมาเข้าเวรเฝ้าดูแลความปลอดภัยอยู่ภายในวัด เล่าว่า ช่วงค่ำเมื่อวานนี้ (16 พ.ค. 2568) เวลาประมาณ 19.00 น. ชายคนนี้ย้อนกลับเข้าไปที่วัดอีกครั้ง ตนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้พลาสติกหน้ากุฏิเฝ้าดูแลความปลอดภัย ก็เห็นคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ซาเล้งพ่วงข้างพุ่งเข้ามาชนตรงจุดที่ตนนั่งอยู่ แต่ตนสามารถกระโดดหลบได้ทัน คนร้ายจึงใช้อาวุธมีดพุ่งเข้ามาจะจ้วงแทง แต่ตนหลบได้ทัน และอาศัยจังหวะนี้เบี่ยงตัว อ้อมไปด้านหลังคนร้าย พร้อมกับหยิบไม้มาฟาดที่มือของคนร้ายข้างที่ถืออาวุธมีด จนมีดร่วงหล่นลงพื้น
จากนั้นตะโกนเรียกพระที่จำวัดอยู่ในกุฏิ ให้ออกมาช่วยกันล็อคตัวคนร้ายเอาไว้ ซึ่งหลังจากจับตัวคนร้ายมัดไว้ได้ ก็ไปตรวจสอบค้นดูที่รถซาเล้งของคนร้าย พบว่า ยังมีอาวุธมีดและขวานอยู่ที่รถ เมื่อสอบถาม คนร้ายก็อ้างว่า ถูกเจ้าอาวาสทำคุณไสยจากดิน 7 ป่าช้า จนครอบครัวแตกแยก ได้ยินเสียงลูกหลานที่เสียชีวิตมาร้องเรียกทุกคืน จนนอนไม่หลับ
ซึ่งชาวบ้านก็ยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจาก เจ้าอาวาสไม่เคยข้องแวะกับเรื่องไสยศาสตร์มนต์ดํา เพราะเป็นพระนักพัฒนา ทำวัดเป็นศูนย์ฝึกอาชีพให้กับชาวบ้าน ทั้งการทอผ้าไหม ทำเครื่องจักสาน ทำขนมและอาหาร เพื่อต่อยอดเป็นอาชีพที่มั่นคง จนกลายเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างประจำอำเภอห้วยแถลง ประกอบกับคนร้ายมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งจำหน่ายและเสพ ชาวบ้านจึงไม่เชื่อในสิ่งที่คนร้ายพูด
ทันทีที่ชาวบ้านทราบข่าวว่าสามารถจับตัวคนร้ายได้แล้ว จึงพากันเดินทางมาที่วัดเป็นจำนวนมาก ต่างรู้สึกโกรธแค้นที่คนร้ายมาก่อเหตุทำร้ายคน และยังทุบทำลายรูปปั้นรูปเหมือนสิ่งที่ชาวบ้านเคารพบูชา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องรีบนำตัวคนร้ายไปที่ สภ.ห้วยแถลง เพื่อสอบปากคำอย่างละเอียด เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา บุกรุกยามวิกาล พกพาอาวุธไปที่สาธารณะ และทำร้ายร่างกาย ซึ่งต้องรอให้คนร้ายสงบสติอารมณ์ก่อน จึงจะสามารถสอบปากคำได้อีกครั้งว่า สาเหตุแท้จริงเข้ามาที่ก่อเหตุคืออะไร ก่อนจะนำมาประกอบสำนวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป