
ไวยาวัจกร เข้าให้ข้อมูลบัญชีวัด ไม่ทราบเรื่องส่วนตัว "นายแย้ม"
ไวยาวัจกร เข้าพบตำรวจให้ข้อมูลบัญชีวัด ยืนยันวัดไม่มีเงินเหลือถึงหลักร้อยล้าน ขณะที่เรื่องส่วนตัว "อดีตเจ้าอาวาส" ไม่ทราบ
16 พ.ค. 2568 บรรยากาศที่วัดไร่ขิง พระอารามหลวง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม หลังจากที่พระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค 14 เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางในความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ชื้อ หรือ จัดการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบัง หรือ ทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน , เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต" กรณีทุจริตยักยอกเงินจากบัญชีธนาคารของวัดโอนเข้าบัญชีธนาคารส่วนตัว เพื่อนำไปเล่นพนันบาคาร่าออนไลน์ กว่า 300 ล้านบาท
ซึ่งก่อนหน้านี้นายแย้มลาสิกขาต่อหน้าพระพุทธรูปและถูกควบคุมตัวสอบสวนตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยพบว่าประชาชนทั่วไปเดินทางเข้ามากราบไหว้หลวงพ่อวัดไร่ขิงอย่างต่อเนื่องและไม่ได้มีผลกระทบ แสดงออกต่อความศรัทธาและเป็นที่พึ่งทางใจของหลวงพ่อ แม้จะเกิดข่าวกระแสดังระดับประเทศไปเมื่อวานนี้
โดยช่วงเช้าหลังจากที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม เจ้าหน้าที่ ปปท. ปปป. พร้อมไม่น้อยกว่า 50 นาย เข้านำหมายศาลตรวจค้นกุฏิของอดีตเจ้าคุณแย้ม เพื่อเก็บหลักฐานต่างๆอาทิ เช่นคอมพิวเตอร์ กล้องวงจรปิด เอกสารทางด้านการเงินทั้งหมด รวมถึงเอกสารต่างๆที่จะเชื่อมโยงไปถึงการเอาความผิด โดยมีการกระจายกำลังเข้าตรวจค้นทั้งสามจุด ภายในวัดไร่ขิง พระอารามหลวง และอีกหนึ่งจุด ซึ่งเป็นบ้านของฆราวาส ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบร้อยไม่ได้มีการขัดขวางหรือแสดงออกในการต่อต้านจากเจ้าหน้าที่หรือคณะสงฆ์ลูกศิษย์ของอดีตเจ้าคุณแย้ม โดยมีการอำนวยความสะดวกและมอบเอกสารทั้งหมดให้
จากนั้นในช่วงบ่าย นายชาตรี สุขถาวร ไวยาวัจกรวัดไร่ขิงพระอารามหลวง เข้ามาพบกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเข้าร่วมรับฟังข้อมูลและชี้แจงเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินบัญชีของวัดไร่ขิงในส่วนต่างๆ ที่เป็นข้อสงสัยจากการสอบปากคำของอดีตเจ้าคุณแย้ม รวมถึงหญิงที่เป็นนายหน้าเว็บการพนันออนไลน์ ที่ได้ถูกจับกุมไปแล้วเมื่อวานนี้ โดยใช้เวลาหารืออยู่ราว 2 ชั่วโมง จึงได้มีการแยกย้ายและกลับออกไปจากวัดไร่ขิง
นายชาตรี กล่าว่า การเบิกจ่ายเงินของวัดไร่ขิงก็มีการเซ็นลงนามสองในสาม ซึ่งหลังจากช่วงของการแพร่ระบาด ไวรัสโควิด-19 รายได้ของวัดก็น้อยลงไปมาก ไม่ได้มีมากเหมือนกับที่หลายคนคิด วันนี้ได้เห็นยอดการโอนเงินในบัญชีก็มีตั้งแต่หลักหมื่นจนไปถึงหลักหลายล้านบาท ซึ่งการโอนจ่าย ในส่วนของวัดที่ตนเองเห็นก็เป็นส่วน ของเจ้าหน้าที่วัดที่จะต้องรู้และตนเองก็จะเป็นผู้เช็คความถูกต้อง ซึ่งที่ผ่านมาก็เห็นว่าถูกต้องทุกครั้ง
ส่วนการถูกอายัดเงินบัญชีของมูลนิธิหรือวัดไร่ขิงนั้น ไม่ทราบ เพราะส่วนที่ตนเองดูแลและเห็นอยู่นั้นมีแค่ประมาณห้าถึงหกบัญชี แต่ส่วนบัญชีแยกประเภทต่างๆเอาไว้อันนั้นก็ไม่ทราบ เช่น บัญชีของการจัดสร้างวัตถุมงคล ประเภทนี้ตนเองก็จะไม่ทราบว่ามีบัญชีไหนบ้าง ซึ่งก็เป็นไปตามกระบวนการคือการเซ็นออกจะต้องมีการเซ็นจากผู้ลงนามสองใน เช่นเจ้าอาวาส ไวยาวัจกร หรือเจ้าหน้าที่ หรืออาจจะเป็นเจ้าอาวาสกับเจ้าหน้าที่อันนี้ก็มีการลงนามกันโดยที่ตนเองก็จะไม่รู้เห็นทั้งหมด แต่ส่วนที่ตนเองเห็นก็จะรู้ว่ารายจ่ายอันนี้เบิกจ่ายไปกับงานอะไรบ้างเพราะปรากฏงานที่เห็นอย่างชัดเจน
ส่วนกระแสรายได้จากการประมูลร้านค้าที่บอกว่ามีรายได้นับร้อยล้านบาท วัดไร่ขิง ไม่ได้มีเงินคงคลังเยอะถึงขนาดนั้น ซึ่งตนเองเห็นก็จะมีหนึ่งถึงสองล้านบาท หรือสามถึงสี่ล้านบาท คือ มีรายได้เข้ามาก็จะมีการจ่ายออกไป เช่น เป็นค่าก่อสร้างต่างๆหรือค่าจ่ายล่วงหน้าเป็นต้น
ด้ายนายชาตรี กล่าวว่า คำถามที่ถามว่า กรรมการวัดเหตุใดถึงไม่ระแคะระคายถึงการเบิกจ่ายเงินจำนวนมาก ต้องบอกว่าคณะกรรมการของวัดไร่ขิง พระอรามหลวง จะมีหน้าที่ในการเข้ามากำกับดูแลในส่วนของการจัดงานประจำปีเท่านั้นส่วนการบริหารงานการจัดการทางด้านการเงินคณะกรรมการจะไม่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ซึ่งคนที่รู้มากมากที่สุดก็จะเป็นตัวของเจ้าอาวาสเองที่จะเป็นผู้รู้มากที่สุด
โดยที่วัดไร่ขิงพระอารามหลวง จะมีไวยาวัจกร 3 คน ประกอบด้วย นายชาตรี สุขถาวร ไวยาวัจกรวัดไร่ขิง , นายพรเทพ ปัถวี ,นายสันติ อนตุธโต ส่วนพระที่จะมีหน้าที่เปิดบัญชีที่รู้ก็อาจจะมีประมาณ 7-8 รูป ซึ่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสที่นอน อยู่ในกุฎิเดียวกับอดีตเจ้าคุณแย้มก็ไม่ทราบว่ามีการสั่งให้ไปโอนเงินหรือมีบัญชีร่วมกันหรือมีบัญชีอื่นกี่บัญชี หากถามว่าตอนนี้ตนกังวลใจหรือไม่ ก็ตอบได้ว่ากังวลเพราะถือว่าเราเป็นเจ้าหน้าที่ แต่ต้องบอกตรงตรงว่า เราไม่เคยเห็นเงินจำนวนเยอะมาก
ขณะที่ปรากฏเป็นข่าวและวัดไร่ขิงเองก็ไม่ได้มีเงินเก็บเป็นหลักร้อยล้าน "สำหรับเงินในบัญชีของมูลนิธิวัดไร่ขิง ตอนนี้ก็ไม่ทราบว่าเหลืออยู่เท่าไหร่เพราะเงินอาจจะมีการโอนยืมไปยืมมาและจะบริหารจัดการอย่างไรตอนนี้ตนเองก็ไม่ทราบ หรือ หากจะถาม ถึงเรื่องส่วนตัวอันนี้ตอบได้ว่าผมก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะว่าไม่เคยไปก้าวล่วง และมาก็ทำหน้าที่เกี่ยวกับวัดเท่านั้น
ส่วนในประเด็นที่บอกว่า อดีตเจ้าคุณแย้ม เป็นคนยากจนเป็นลูกชาวไร่ชาวนาแต่ปัจจุบันทำไมถึงมีบ้านราคา 10,000,000 - 20,000,000 บาท อันนี้ต้องถามกลับไปว่า มีด้วยหรือ เพราะตนเองก็ไม่ทราบว่า เค้าจะมีเงินเยอะขนาดนั้น แต่เท่าที่รู้อดีตเจ้าคุณแย้มตอนนี้น่าจะเหลือตัวคนเดียว เพราะญาติน่าจะเสียไปหมดแล้ว
ทั้งนี้ก่อนหน้าที่ไวยาวัจกรวัดไร่ขิง พระอารามหลวง จะออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่รอทำข่าวและเกาะติดสถานการณ์อยู่ด้านนอกในช่วงที่ได้มีการพบกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ก็มีเสียงเล็ดลอดออกจากห้องประชุมว่า เรื่องนี้จะไม่มีการปกป้องคนผิดใครผิดก็ให้ว่าไปตามผิดและขอให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาด้วย
ส่วนหญิงคนที่ปรากฏเป็นนายหน้าของเว็บพนัน ตนเองก็ได้ทราบข่าวเมื่อวานนี้ และก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนกรณีที่บอกว่าเคยทำงานอยู่ที่วัดไร่ขิงตนเองยืนยันได้ว่าไม่เคยทำงานถ้ามีผมเองต้องรู้จัก ส่วนหญิงสาวคนสนิทที่มีบ้านหลังใหญ่อยู่ในเขตพื้นที่อำเภอนครชัยศรีเรื่องนี้ก็ไม่ทราบว่าเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งเรื่องทั้งหมดที่มาปรากฏ ทำให้เรารู้ก็คือเกิดจากเมื่อวานทั้งหมด เวลาไปไหนมาไหนอดีตเจ้าคุณแย้มท่านก็จะไปกับทีมงานของท่าน จะไปกับพระเลขา ซึ่งที่รู้มาคือ เค้าจะอยู่ด้วยกันตลอดเกือบ 24 ชั่วโมง ตรงนั้นตนไม่ทราบว่า เค้าไปไหนกันบ้างและที่ไหน ซึ่งการเข้าไปพัวพันในเว็บพนันออนไลน์หรือเรื่องของการมีวิดีโอคอลหรือคลิปที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือ อันนี้ก็ไม่ทราบเรื่องมาก่อน
นายชาตรี กล่าวว่า ขณะเดียวกันในช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจขนเอกสารทั้งหมดที่นับได้จำนวนไม่น้อยกว่า 11 ลัง ขึ้นรถกระบะนำออกจากพื้นที่วัดไร่ขิง เพื่อนำไปตรวจสอบและไล่ตัวเลขเส้นทางทางการเงินว่า มีความเสียหายหรือสูญหายไปแล้วจำนวนเท่าไหร่ และมียอดสุทธิเป็นอย่างไร เพื่อนำไปประกอบกับคำให้การของอดีตเจ้าคุณแย้ม เจ้าหน้าที่ของวัดไร่ขิงพระอารามหลวง และส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้มีการแบ่งเจ้าหน้าที่เชิญพระเลขาของอดีตเจ้าคุณแย้ม เข้าให้ปากคำเกี่ยวกับข้อมูลต่างๆไปด้วย
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดวอรูมนำตัวผู้ต้องสงสัยมาทำการสอบปากคำโดยใช้สถานที่ภายในโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน เพื่อแยกกันทำงานติดตามรายละเอียดและข้อมูลของกระบวนการทั้งหมดก่อนจะมีการนำเอกสารข้อมูลต่างๆมารวบรวมและสรุปผลอีกครั้งหนึ่ง