
ปูพรมล่าคนร้าย "ฆ่าเผานั่งยาง" 4 ศพ กลางสวนปาล์ม 170 ไร่
ปูพรม ไล่ล่าคนร้าย "เผานั่งยาง" 4 ศพ กลางสวนปาล์ม 170 ไร่ ชิงกระบะหลบหนี ตำรวจตั้งปม 2 ประเด็น
11 พ.ค. 2568 ตำรวจ สภ.สิเกา รับแจ้งเหตุ "ฆ่าเผานั่งยาง" ภายในสวนปาล์มน้ำมัน พื้นที่ หมู่ 1 ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มน้ำมัน สภาพรกทึบ ห่างจากถนนตรัง-สิเกา ไปตามถนนลูกรังกว่า 5 กม. พบกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นมาจากร่องสวนปาล์ม ความลึกประมาณ 2 เมตร และพบเศษยางรถยนต์นับ 10 เส้น ไหม้ดำเป็นตอตะโก เหลือเพียงเส้นลวดยาง และพบร่างมนุษย์ ในกองเถ้าถ่าน จำนวน 3 ร่าง จึงนำส่งพิสูจน์หาอัตลักษณ์บุคคล
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผบก.ภ.จว.ตรัง ระดมตำรวจฝ่ายป้องกันและปราบ และฝ่ายสืบสวน สภ.สิเกา ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจพื้นที่คลี่คลายคดีและเก็บพยานหลักฐาน ภายในขนำร้าง ซึ่งอยู่ติดกับร่องสวนปาล์ม พบร่องรอย กองเลือด ปลอกกระสุน แกลลอนน้ำมัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบบริเวณโดยรอบ รัศมี 500 เมตร พบหลุมฝังศพ 1 หลุม มีร่องรอยถูกเผาทิ้ง และฝังกลบเอาไว้ จึงได้ทำการขุดเพื่อตรวจสอบ พบโครงกระดูก คาดว่าเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 1 เดือน
จากแนวทางการสืบสวน กรณีเผานั่งยาง 3 ศพแรก คาดว่า เป็นคนงานดูแลสวน เนื่องจากอัตลักษณ์บางส่วน เช่น ท่อนเหล็กดามขา 1 ใน 3 คนงาน ถูกยืนยันว่าเป็น นายสุรเชษฐ์ หัวหน้าคนงานรับผิดชอบดูแลสวนปาล์ม เนื้อที่กว่า 170 ไร่
นายเรืองศักดิ์ ลูกชายของนายสุรเชษฐ์ ให้ข้อมูลว่า 1 ในผู้เสียชีวิต น่าจะเป็นพ่อตนเอง โดยพ่อเป็นหัวหน้าคนงาน ดูแลสวนปาล์มดังกล่าว ปกติจะเข้ามาตรวจสวนปาล์มไม่เกิน 18.00 น. ต้องกลับถึงบ้านทุกวัน แต่วันเกิดเหตุติดต่อไม่ได้ โทรหาก็ไม่ติด
กระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. จึงระดมกันออกตามหา กระทั่งช่วงดึกได้เข้ามาตรวจสอบภายในสวนปาล์ม ก็พบร่องรอยการเผานั่งยางดังกล่าว จึงได้แจ้งตำรวจเข้ามาตรวจสอบ
เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุมาจากความขัดแย้งเกี่ยวกับผลปาล์มน้ำมัน และการลักขโมยผลผลิต เนื่องจากสภาพภายในสวนปาล์ม มีร่องรอยการตัดผลผลิต ข้าวของเครื่องใช้ อาทิ จาน ชาม ช้อน ที่ไม่ใช่ของคนงาน ส่วนผู้ก่อเหตุเผานั่งยางทั้ง 3 ศพ คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 4 คน หลังก่อเหตุได้ชิงรถกระบะของผู้เสียชีวิตหลบหนีไปด้วย
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมระดมเจ้าหน้าที่สืบสวน ลงพื้นที่แกะรอยคนร้าย เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป