
ไม่สลด ผู้ช่วยทันตแพทย์ ใส่กำไล EM อยู่ ย่องขโมยทอง 16 บาท
ผู้ช่วยทันตแพทย์ สุดแสบ แอบเข้าบ้านเหยื่อขโมยทอง 16 บาท ตรวจประวัติพบคดีเพียบ แถมยังใส่กำไล EM อ้างต้องใช้หนี้ จ่ายค่างดรถลูก
จากกรณีที่นางนุชวดี ( สงวนนามสกุลจริง ) อายุ 72 ปี เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ไว้เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ที่ผ่านมาว่า ถูกคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์สินเป็นทองคำแท่งและทองรูปพรรณ รวมน้ำหนัก 16 บาท มูลค่า 8 แสนบาท ไปจากกล่องในตู้เสื้อผ้าที่ซ่อนไว้ภายในบ้านพักหมู่บ้านประชานิเวศน์ 3 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี
หลังรับแจ้งความทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ ตรวจสอบบ้านพักของผู้เสียหาย จึงพบว่าคนร้ายได้ถอดเอากล้องวงจรปิดภายในบ้านไป จึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางเข้าออกของหมู่บ้านแทน ก่อนจะไปพบกับผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งเป็นหญิงอายุประมาณ 35-40 ปี สวมเสื้อยืดสีเหลือง สวมกางเกงขายาว สวมหมวก และสวมแว่น เดินกางร่มเข้ามาภายในซอยบ้านที่เกิดเหตุ
จากการตรวจสอบจึงพบว่า หญิงดังกล่าวได้ขึ้นรถแท็กซี่ ออกไปจากหมู่บ้านไป เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบประวัติคนร้าย ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับหญิงดังกล่าว จนทราบว่า เคยมีคดีถูกจับที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ ปี 2563 ในคดีลักทรัพย์มาก่อน
ล่าสุด 9 พ.ค. 2568 เวลา 23.00 น. พ.ต.ท.ภาสกร ไชยทวีวงศ์ รอง ผกก.สส.สภ.รัตนาธิเบศร์ ร.ต.อ.ธีภพ ผดุงนาม รอง สว.สส.ร.ต.ท.ประดิษฐ์ศิลป คุณเลิศ รอง สว.สส.ร.ต.ต.อดุลย์ ภูชุม รอง สว.สส.พร้อมกำลังตำรวจสืบสวน เข้าทำการจับกุมตัว น.ส.สาธิกุล หรือ วา อายุ 42 ปี ทำงานเป็นผู้ช่วยทันตแพทย์ จับได้ที่บ้านพักย่าน ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ก่อนที่ผู้ต้องหาจะยอมรับสารภาพและพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจยึดของกลางที่ก่อเหตุลักไปและนำไปซุกซ่อนไว้ที่บ้านอีกหลังหนึ่งใน ต.คลองพระอุดม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบของกลางทองคำแท่ง น้ำหนัก 5 บาท จำนวน 2 แท่ง ทองคำแท่ง 1 บาท อีก 1 แท่ง รวม 11 บาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินของนางนุชวดี ผู้เสียหายที่ถูกขโมยไป
จากการสอบสวน น.ส.สาธิกุล ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ตนทำงานเป็นผู้ช่วยทันตแพทย์ แต่เงินไม่พอใช้ วันเกิดเหตุได้มาเดินตระเวนดูลาดเลาตามบ้าน จนไปเห็นว่า บ้านเกิดเหตุไม่มีคนอยู่ จึงลองเปิดประตูรั้วและประตูบ้านพบว่าไม่ได้ล็อกประตู ตนได้เข้าไปรื้อค้นลักทรัพย์สินเป็นทองรูปพรรณและทองคำแท่ง ได้จากตู้เสื้อผ้าภายในบ้าน หลังได้ทรัพย์สินแล้ว ตนได้ถอดเอากล้องวงจรปิดภายในบ้านไปด้วย ก่อนจะเรียกรถแท็กซี่ให้ไปส่งที่ตลาดสดเมืองปทุมธานี เพื่อเอาทองบางส่วนไปขายที่ร้านทอง ได้เงินมาประมาณ 1 แสนกว่าบาท หลังได้เงินได้เอาไปจ่ายหนี้ และค่างวดรถ จยย.ของลูกชาย และใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ส่วนทองแท่งที่เหลือ 11 บาท ตนได้เอาไปซ่อนที่บ้านของปู่ ก่อนจะถูกตำรวจตามมาจับกุม
ต่อมานางนุชวดี ผู้เสียหาย ได้เดินทางมาดูทรัพย์สิน ยืนยันว่าเป็นของตนที่คนร้ายก่อเหตุลักไป พร้อมกล่าวว่า ทองดังกล่าวได้ซื้อเก็บสะสมไว้ ตอนนี้ตนกำลังทำบ้านใหม่ จึงเตรียมจะนำทองไปขาย เพื่อมาทำบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จ ยังขาดเงินอยู่ประมาณ 6 แสนกว่าบาท ไปหากู้ที่ไหนก็ยังไม่ได้ จึงคิดจะนำทองที่มีอยู่ไปขาย แต่ทองทั้งหมดกลับถูกคนร้ายขโมยหายไปหมด ตนทำอะไรไม่ถูกเครียดจนนอนไม่หลับ ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า จนคิดอยากจะฆ่าตัวตาย เพื่อหาเงินที่จะได้จากฌาปนกิจมาให้ลูกทำบ้านต่อให้เสร็จ ตนไม่รู้ว่าเคยไปทำบาปอะไรให้เขา ถึงได้ลักของไป ไม่เหลือไว้ให้เลยสักชิ้น
ทำให้ทางด้าน น.ส.สาธิกุล ผู้ต้องหา ได้กล่าวขอโทษกับนางนุชวดีผู้เสียหาย อ้างว่า มีความจำเป็นต้องหาเงินไปสู้คดีที่มีอยู่ หลังถูกศาลสั่งใส่กำไลอีเอ็มไว้
จากตรวจสอบประวัติ น.ส.สาธิกุล คนร้ายพบว่า ปี 2563 เคยถูกจับคดี ลักทรัพย์ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ต่อมาในปี 2566 ถูกจับในคดีลักทรัพย์เช่นเดียวกันในพื้นที่ สภ.ปากเกร็ด และในปีเดียวกันยังถูกจับคดีลักทรัพย์ ในพื้นที่ สน.สายไหม ซึ่งอยู่ในระหว่างประกันตัวคดีลักทรัพย์ ของสภ.ปากเกร็ดออกมา โดยศาลได้สั่งติดกำไลข้อเท้าอีเอ็ม อิเล็กทรอนิกส์เอาไว้ หลังสอบสวนได้แจ้งข้อหา ลักทรัพย์ ในเคหะสถาน โดยกระทำการด้วยประการอื่นใดเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ นำตัวส่งพนักงานสอบสวนสภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป