
งานเข้า 3 กลุ่มเอี่ยวตึก สตง. ถล่ม ตร. เตรียมออกหมายจับเร็วๆนี้
คืบหน้าตึก สตง. ถล่ม สัปดาห์หน้าผลพิสูจน์หลายอย่างออก ตำรวจเตรียมออกหมายจับ 3 กลุ่มเกี่ยวข้องบริษัทก่อสร้างออกแบบ
8 พ.ค. 2568 พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนสอบปากคำประจักษ์พยาน ผู้บาดเจ็บ สอบ สตง. รับมอบอำนาจ ผู้รับจ้างออกแบบ ผู้ควบคุมงาน ผู้ทำการก่อสร้าง 28 ปาก ญาติผู้บาดเจ็บ 86 ราย รวม 193 ราย โดยมีการรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล พยานแวดล้อม พยานวัตถุ และพยานเอกสาร ตั้งแต่เริ่มการทำ TOR และสัญญาการจ้างออกแบบ การจ้างควบคุมงาน การจ้างการก่อสร้าง และพยานวัตถุชิ้นส่วนเหล็ก คอนกรีต
โดยแบ่งการดำเนินการเป็น 3 กลุ่ม คือ
กลุ่มที่ 1 คือ ผู้ออกแบบ ประกอบด้วย กรรมการผู้มีอำนาจ และ วิศวกร ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และ ไมน์ฮาร์ท (ประเทศไทย)
กลุ่มที่ 2 คือ ผู้ก่อสร้าง ประกอบด้วย กรรมการผู้มีอำนาจ และ วิศวกร ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มกิจการร่วมค้า ไอทีดี (อิตาเลียนไทย)-CREC ( ไชน่าเรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ประเทศไทย )
กลุ่มที่ 3 คือ ผู้ควบคุมงานก่อสร้าง ประกอบด้วย กรรมการผู้มีอำนาจ และ วิศวกรที่เกี่ยวข้องกับกิจการร่วมค้า PKW
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า 3 กลุ่มนี้ จากข้อมูลในข้อเท็จจริง พบว่า การออกแบบมีการทำ TOR ว่าจ้าง 2 บริษัท เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2561 ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ส่งแบบไปให้สภาวิศวกรและวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่า การออกแบบเป็นไปตามหลักวิศวกรรมหรือไม่ จะได้ผลการตรวจสอบในสัปดาห์หน้า จะไปสอดคล้องกับรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่ตั้งขึ้นโดยนายกรัฐมนตรีว่าการออกแบบดังกล่าว สอดคล้องกับกฎกระทรวงและได้มาตรฐานหรือไม่
เรื่องการก่อสร้างอาคารได้ออก TOR และว่าจ้างบริษัท อิตาเลียนไทย และ ไชน่า เรลเวย์ฯ 2 บริษัท เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2563 ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติแล้ว โดยได้นำวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง ทั้งเหล็กและคอนกรีต ทำการตรวจพิสูจน์ จากการเก็บหลักฐานตั้งแต่วันแรก รวมมีเหล็ก 315 ชิ้น และ ปูนทั้งพื้น เสา ปล่องลิฟท์ ซึ่งได้เข้าเก็บหน้างานทุกวัน จนตอนนี้มาถึงชั้นล่างแล้ว ได้ส่งไปตรวจทั้งหมด 75 ชิ้น ซึ่งสัปดาห์หน้าจะได้ผลของการตรวจ โดยขณะนี้ได้ผลการตรวจปูนกับเหล็กมาบางส่วนแล้ว แต่ยังไม่ครบถ้วน พนักงานสอบสวนรอให้มีผลออกมาครบถ้วน เพื่อดูมาตรฐานในการก่อสร้างของเหล็กและคอนกรีต
ส่วนการจ้างควบคุมงานก่อสร้างได้ว่าจ้างกิจการร่วมค้า 3 บริษัท ได้ทำ TOR และพบว่ามีการแก้ไขแบบการก่อสร้าง งวดสัญญา วันที่ 4 ที่มีการแก้ไขคอลิฟท์ โดยมีประเด็นว่า วุฒิวิศวกร ถูกกล่าวอ้างว่า ใช้ลายเซ็นปลอม ซึ่งเรื่องนี้พนักงานสอบสวนได้ข้อเท็จจริงมาจาก สตง. แล้ว และส่งลายเซ็น ไปตรวจแล้ว โดยจะได้ผลการตรวจลายเซ็นสัปดาห์หน้าเช่นกัน
ส่วนประเด็นเรื่องวิศวกรที่มีการสอบปากคำไป ไปประสานกับดีเอสไอแล้ว พบว่า มีการอ้าง ถูกปลอมลายเซ็น 28 คน ประกอบกับประเด็น สตง. เป็นคนตรวจรับงาน สอบสวนไปแล้ว 32 ปาก ซึ่งทุกอย่างที่เป็นองค์ประกอบรวบรวมพยานหลักฐานนั้น เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว พนักงานสอบสวนก็จะมาพิจารณาข้อกฎหมาย ทั้งในฐานะนิติบุคคลและในฐานะส่วนตัวในการประกอบวิชาชีพ ตาม ม.227 ต่อเนื่อง ม.238 เพราะมีผู้เสียชีวิต
พล.ต.ต.นพศิลป์ ยืนยันว่า หากมีการรวบรวมพยานหลักฐานเพียงพอ ก็จะขอหมายจับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งหมายจับจะมี 3 ส่วนองค์ประกอบ จะแยกใครเป็นวิศวกรที่ลงนามในแบบแปลน ผู้ออกแบบในฐานะนิติบุคคล กลุ่มผู้ควบคุมการก่อสร้างใครลงนามในสัญญา การดำเนินโครงการผู้ประสานงาน ดังนั้นทั้งในการออกแบบ ควบคุม และก่อสร้าง หากพยานหลักฐานไปถึงก็จะออกหมายจับทั้งหมด
ส่วนการเอาผิดเจ้าหน้าที่ของ สตง. นั้น ขณะนี้ดีเอสไอรับเรื่องฮั้วประมูลไปแล้ว ในส่วนของตำรวจถ้าเรื่องการตรวจรับงาน 22 งวด มีการรับเรียบร้อยแล้ว ซึ่งงวดงานพบข้อมูลเรื่องของการมีมติของคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ในการบอกเลิกสัญญาตั้งแต่ 15 ม.ค. 68 โดยอ้างว่าการก่อสร้างต้องได้ 80% แต่ก่อสร้างไปได้ 33% ซึ่งการยกเลิกสัญญาส่งไปที่ผู้ว่า สตง. แต่ปรากฎว่า ยังไม่มีการยกเลิกสัญญา ดังนั้นต้องรวบรวมหลักฐานผู้เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ สตง.ด้วย