
แม่เก็บศพลูกชายวัย 13 ปี เกือบ 2 เดือน ร้องขอความเป็นธรรม
แม่เก็บศพลูกชายวัย 13 ปี เกือบ 2 เดือน ร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้ายสาหัส วอนจับคนร้ายให้ได้ แต่ผลการตายแพทย์ระบุป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว?
7 พ.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 15 บ้านเทพวังทอง ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร พบกับ น.ส.โอ (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี สัญชาติเมียนมา อาชีพรับจ้างกรีดยางพารา ยังสวมชุดดำไว้ทุกข์ แม่ของเด็กชายอานนท์ (สงวนนามสกุล) หรือน้องจอม อายุ 13 ปี พร้อมด้วย ร.ต.ท.หญิง เพ็ญจันทร์ (สงวนนามสกุล) ญาติฝ่ายสามี น.ส.โอ และ นายพรสันติ (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี เพื่อนบ้าน และหญิงนายจ้างของครอบครัวผู้เสียหาย
โดย น.ส.โอ (สงวนนามสกุล) เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าตนเองมีสามีเป็นชาวไทยชื่อ นายมานพ (สงวนนามสกุล) อายุ 77 ปี แต่ได้เสียชีวิตไปแล้ว มีลูกด้วยกัน 1 คน คือเด็กชาย อานนท์ (สงวนนามสกุล) อายุ 13 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนมัธยมในอำเภอท่าแซะ เมื่อช่วงสายๆ ของวันที่ 28 ก.พ. 2568 ลูกชายได้ขออนุญาตขับรถจยย.ไปหาเพื่อนแล้วกลับเข้ามาบ้านประมาณตอนเที่ยง
ตนเห็นว่ามีสีหน้าซีดๆ ถามก็ไม่ยอมบอก ไม่นานก็ออกไปบ้านเพื่อนอีกและกลับเข้ามาบ้านประมาณ 2 ทุ่มของวันที่ 1 มีนาคม เข้าบ้านอาบน้ำจะออกไปที่วัดต่อ ตนเห็นว่ามีรอยเขียวช้ำตามลำตัวและบริเวณหลัง ก็ไม่สบายใจจึงถามว่ามีคนตีมาใช่ไหม ลูกชายปฏิเสธบอกว่าล้มเอง หลังอาบน้ำเสร็จก็ออกไปวัดคุริงต่อ กลับมาประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง เข้าห้องนอนและไม่ได้ออกไปไหนอีก
จนกระทั่งวันที่ 5 มีนาคม ลูกชายเริ่มเป็นไข้ ขอบตาเขียวเป็นรอยฟกช้ำ ตนร้องให้เสียใจมากเตือนแล้วอย่าไปบ้านคนอื่น จึงซื้อยาพาราให้กิน เอาผ้าเช็ดตัวลดไข้ วันที่ 7 กินข้าวไม่ได้ ถูกตัวก็ไม่ได้บอกว่าลูกเจ็บ ต่อมาชาวบ้านช่วยกันพาไปโรงพยาบาลท่าแซะ ก่อนจะส่งต่อไอซียูโรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทางหมอถามว่าไปทำอะไรมาถึงได้เขียวช้ำแบบนี้ แต่ทางลูกชายไม่ได้บอกอะไร
8 มี.ค. 2568 หมอใส่ท่อเครื่องช่วยหายใจ ลูกชายมีน้ำตาไหลออกตลอด เลือดออกทางปากจมูกเยอะ หมอบอกว่าน้องมีโอกาสเสียชีวิต ภายในช้ำมากให้แม่ทำใจ ต่อมาน้องจอมได้เสียชีวิตลงเมื่อประมาณเวลา 20.25 น. ของวันที่ 11 มีนาคม จากนั้นแพทย์ออกหนังสือรับรองการตายระบุ สาเหตุการตาย “มะเร็งเม็ดเลือดขาว" ซึ่งทางญาติทุกคนมีความสงสัยและคาใจถึงสาเหตุการตายอย่างมาก
ด้าน ร.ต.ท.หญิง เพ็ญจันทร์(สงวนนามสกุล) ญาติฝ่ายสามี น.ส.โอ (สงวนนามสกุล) กล่าวว่าสาเหตุการตายตนเห็นว่าอาจจะมีผลกับคดีหรือไม่ เนื่องจากว่าน้องถูกทำร้ายทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแจ้งว่า สาเหตุการตายไม่สามารถแก้ไขได้ หรือจะต้องนำศพผ่าพิสูจน์ สุดท้ายก็ให้ทางโรงพยาบาลสุราษฎร์ฯ ผ่าพิสูจน์ ตนเองเห็นข้อพิรุธว่า ตอนแรกทางญาติได้ประวัติการรักษามาแล้ว กำลังเอาไปให้มูลนิธิที่จะนำศพส่งไปผ่าพิสูจน์ แต่ทางคุณหมอโรงพยาบาลชุมพรโทรศัพท์มาหาแม่เด็ก บอกว่าประวัติการรักษาอันนั้นใช้ไม่ได้ ต้องเอามาเปลี่ยน ซึ่งพยายามโทรถี่มากๆ เพื่อติดต่อให้เอามาเปลี่ยนให้ได้
จนสุดท้ายให้มูลนิธินำศพผ่าพิสูจน์การตาย โดยเอาเอกสารประวัติการรักษาชุดใหม่ที่หมอเปลี่ยนให้ใหม่ติดไปด้วย ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง ประวัติการรักษาเป็นอันใหม่ และผลสาเหตุการตายของโรงพยาบาลสุราษฎร์คือ “มะเร็งเม็ดเลือดขาว” ซึ่งไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการถูกทำร้ายเลย
ร.ต.ท.หญิง กล่าวอีกว่าหากเด็กเสียชีวิตด้วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวจริง อาจจะยอมรับในส่วนนั้น แต่เด็กก่อนเสียชีวิต เด็กถูกทำร้ายมาก่อนแล้ว ทางแม่เด็กก็ได้แจ้งความว่าลูกชายถูกทำร้ายทางคดียังไม่มีความคืบหน้า หรือจะปล่อยให้คนร้ายลอยนวล ไม่ต้องรับโทษหรอ ทางเราต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ หาตัวกลุ่มคนทำร้ายน้องมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อขอความเป็นธรรมให้คนตาย
ทางด้าน นายพรสันติ (สงวนนามสกุล) เพื่อนบ้านเล่าว่าก่อนที่น้องจอมจะเสียชีวิต ขณะนั้นตนได้เข้าเยี่ยมอาการน้องจอมยังพอพูดได้บ้างน้องจอมเล่าว่า ได้ขี่จยย.ออกจากบ้านเพื่อนที่นิคม 4 จะไปเที่ยวน้ำตกแก่งกะอิ แล้วแวะซื้อเครื่องดื่มที่ร้านค้า หลังจากนั้นขับรถ จยย.ออกมาแวะโต๊ะสนุกดูเขาเล่นกัน ก่อนขับจยย.ออกแก่งกะอิ ระหว่างทางเจอผู้ชาย 3 คน เขาบอกว่าน่าจะรุ่นพี่หมายถึงอายุมากกว่าสัก 1-2 ปี น่าจะเป็นนักเรียนแต่ไม่รู้ว่าอยู่โรงเรียนไหน ตนถามว่ารู้จักไหม น้องจอมบอกว่าไม่รู้จัก กวักมือเรียกให้จอดจากนั้นก็มีเรื่องตีกัน น้องจอมบอกว่าเขาก็ชกฝ่ายตรงข้ามไป 2-3 ทีเหมือนกัน หลังจากโดนรุมตีรู้สึกเจ็บแต่ก็ยังขับรถกลับบ้านเองได้
เวลาต่อมา น.ส.โอ (สงวนนามสกุล) และ ร.ต.ท.หญิง (สงวนนามสกุล) พร้อมเพื่อนบ้านเดินทางไปยัง วัดหอระฆัง หมู่ 4 ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นที่เก็บศพของน้องจอม โดยร่างได้บรรจุอยู่ในหีบศพแช่ไว้ในโลงเย็นฝากไว้ภายในห้องใกล้เมรุ มีประตูเหล็กล็อคกุญแจไว้อย่างแน่นหนา
น.ส.โอ (สงวนนามสกุล) ผู้เป็นแม่ได้ไขกุญแจเปิดเข้าไป ร้องให้สะอื้นน้ำตาไหลอาบแก้ม พร้อมกับเคาะโลงบอกว่า “แม่มาแล้วนะ ขอให้จับคนร้ายได้เร็วๆนะลูกนะ” เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะเผาร่างน้องเมื่อไหร่ น.ส.โอ (สงวนนามสกุล) บอกว่าให้จับคนร้ายได้ก่อนถึงจะเผา แม้ว่าจะต้องเสียค่าเช่าโลงแอร์ให้ร้านวันละ 500 บาท ถึงวันนี้รวม 49 วัน ตนก็ยอมเสีย เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ลูกชายไม่ตายฟรี
ซึ่งตนเชื่อว่าการที่ลูกชายเสียชีวิต ต้นเหตุมาจากการถูกทำร้าย เพราะลูกชายบอกเองว่าถูกทำร้าย ไม่ใช่ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวตามที่แพทย์ระบุเป็นไปไม่ได้ เพราะลูกชายมีสุขภาพแข็งแรงดีมาตลอด