ข่าว

เคลียร์ซากเปิดพื้นที่อาคาร สตง. ครบ ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม

เคลียร์ซากเปิดพื้นที่อาคาร สตง. ครบ ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม

06 พ.ค. 2568

เจ้าหน้าที่เคลียร์ซากอาคาร สตง. ครบทุกโซน เว้นโซน B ใกล้เสร็จแล้ว ล่าสุดยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม คาด 3 วันจบงาน เตรียมส่งพื้นที่คืนเจ้าของ

6 พ.ค. 2568 กรุงเทพมหานคร นำโดยนายเอกวรัญญู อัมระปาล ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และโฆษกของกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายสุริยชัย ระวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. พาสื่อมวลชนลงพื้นที่ดูความคืบหน้าการค้นหาผู้ติดค้างและการกู้ซากตึกของอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ถล่ม

 

 

โดยพบว่า จุดที่พบผู้เสียชีวิตมากที่สุดคือ บริเวณ ทางเชื่อมระหว่างตัวอาคารหลักและอาคารจอดรถ หรือ โซนC 

 

ส่วนผู้รอดชีวิตใหญ่จะอยู่บริเวณด้านหน้าอาคารหลัก พ้นบริเวณ โซน A และ D 

 

เคลียร์ซากเปิดพื้นที่อาคาร สตง. ครบ ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม

นายสุริยชัย กล่าวว่า ขณะนี้เราเปิดพื้นที่และแผ่นคอนกรีตรวมทั้งซากอาคารทั้งหมดถึงชั้นใต้ดินครบหมดแล้ว ทั้งรอบอาคารและในตัวอาคารทั้งหมด 40x40 เมตร แต่ยังคงเหลือในส่วนของตัวซากอาคารที่มีการล้มลงไปกองอยู่ด้านข้างชิดกับอาคารจอดรถ ซึ่งสูงประมาณ 3 เมตร กว้าง 15-20 เมตร แม้เนื้องานไม่มาก แต่ยังคงต้องระมัดระวังเครื่องจักรหนักที่จะไปเพิ่มน้ำหนักและทำให้พื้นยุบลงไปได้ ทั้งนี้คาดว่าใช้เวลาประมาณ 2-3 วันก็น่าจะจบ

 

 

สำหรับการดำเนินการค้นหาผู้ประสบภัย นายสุริยชัย กล่าวว่า ตั้งแต่เมื่อวานทั้งวันถึงเช้าวันนี้ ในตัวอาคารไม่พบร่างผู้ประสบภัยที่ติดค้างเพิ่มเติม เราเปิดพื้นหมดแล้ว อย่างที่ทางผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวคือ เป็นการพลิกแผ่นดิน พลิกพื้นอาคารออกให้หมด เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงว่ามีหรือไม่มี เพราะฉะนั้นข้อมูลที่เรามีการนําร่างของผู้ประสบภัยรวมทั้งชิ้นส่วนอวัยวะที่ยังค้างอยู่ที่นิติเวช 200 กว่าชิ้น ต้องไปรอที่นิติเวชด้วยว่าในเรื่องของการพิสูจน์ DNA ว่า เป็นร่างของมนุษย์ทั้งหมดกี่คน จะตรงกับข้อมูลของพนักงานสอบสวนที่แจ้งมาว่า 109 คนหรือไม่ 

 

เคลียร์ซากเปิดพื้นที่อาคาร สตง. ครบ ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม ชั้นใต้ดิน

 

ทั้งนี้ถ้ายอดไม่ครบและไม่ตรง คงต้องไปสืบหาว่า ข้อมูลที่ได้มาเป็นข้อมูลที่มีความคลาดเคลื่อนตรงไหนบ้าง เพราะว่าหน้างานเราเปิดพื้นที่หมดแล้ว จะไม่พบผู้ประสบภัยเพิ่มเติมแล้ว ในส่วนข้อมูลของทางพนักงานสอบสวนที่ยังคงค้างอยู่จำนวน 13 ราย ในตัวอาคารนั้นไม่มีแล้ว 

 

 

แต่ทั้งนี้ซากกองที่ยังค้างอยู่ 1 กองที่กล่าวไปข้างต้น เป็นกองที่มีการค้นหาแล้วในช่วงแรก แต่จากการวิเคราะห์ อาจจะมีการถูกทับอยู่ในชั้นแผ่น ซึ่งอาจเป็นไปได้ เพื่อให้สิ้นความสงสัยเรายังก็ดําเนินการต่อ

 

 

นายสุริยชัย กล่าวต่อว่า ในส่วนรายชื่อก็มีของทางพนักงานสอบสวนที่ให้เรามา เพียงแต่ว่าการยืนยันตัวตนอัตลักษณ์ของทางนิติเวช ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ครบ แม้แต่ตัวร่างที่แจ้งมาว่าพบ 87 ราย ก็ยืนยันและสามารถคืนร่างได้แค่ 45 คน แต่ข้อมูลการออกใบมรณบัตรของสำนักงานเขตมีจำนวน 47 ใบ เท่ากับว่า จะมีการที่ไม่สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ เพราะฉะนั้นการที่มีรายชื่อก็ยังคงค้างอยู่ว่าเป็นบุคคลใด

 

"ข้อเท็จจริงคือถ้าเปิดพื้นที่หมดแล้ว ไม่มีก็คือไม่มี ดังนั้นต้องย้อนกลับไปที่ฐานข้อมูลที่ได้รับมาว่าจำนวนผู้สูญหายตรงหรือไม่ หรือชิ้นส่วนที่ยังคงค้างอยู่ที่นิติเวชก็คงต้องเร่งดําเนินการพิสูจน์ DNA เพื่อระบุตัวตนต่อไป"  

 

นายไทวุฒิ ขันแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการวางผังและพัฒนาเมือง กทม. เป็นผู้รายงานผลการดำเนินงานในจุดต่าง ๆ โดยระบุว่า ลักษณะของอาคารที่ถล่มเป็นอาคารสูง 30 ชั้น มีพื้นที่รวม 40×40 เมตร หรือประมาณ 50,000 ตารางเมตร มีลิฟท์ 10 ตัว และหลังจากเกิดเหตุการณ์ถล่มแล้ว โครงสร้างอาคารมีการลาดเอียงไปทางด้านหลัง ซึ่งเป็นจุดที่เชื่อมต่อกับอาคารจอดรถ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าช่วงระหว่างที่ถล่มนั้นอาจมีคนวิ่งเข้ามาในส่วนของอาคารจอดรถด้วย จึงยังคงต้องมีการค้นหาในบริเวณนี้ต่อจนกว่าจะเคลียร์พื้นที่ได้แบบแล้วเสร็จ 100% 

 

 

จากการจำลองการหนีของคนส่วนใหญ่ของทุกชั้นจะวิ่งมาหาบันไดหนีไฟ ซึ่งเป็นจุดเดียวของอาคารที่เชื่อมระหว่างอาคาร 30 ชั้นกับอาคารจอดรถยนต์ จึงอาจมีผู้ติดค้างติดอยู่บริเวณเศษซากอาคารที่ถล่มลงมาในบริเวณจุดเชื่อมได้ ซึ่งสมมุติฐานดังกล่าวยังสอดคล้องกับ ข้อเท็จจริงที่พื้นที่ที่พบผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จะอยู่ในโซน C ตรงจุดที่คาดว่าเป็นช่วงบันไดหนีไฟ จึงคาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 วันจะค้นหาบริเวณชั้นใต้ดินแล้วเสร็จ และภายใน 4-5 วัน จึงจะแล้วเสร็จภารกิจ โดยในเบื้องต้นจะพยายามให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 10 พฤษภาคมที่จะถึงนี้

 

ด้านนายไทวุฒิ ขันแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการวางผังและพัฒนาเมือง กทม. เป็นผู้รายงานผลการดำเนินงานในจุดต่าง ๆ โดยระบุว่า ลักษณะของอาคารที่ถล่มเป็นอาคารสูง 30 ชั้น มีพื้นที่รวม 40×40 เมตร หรือประมาณ 50,000 ตารางเมตร มีลิฟท์ 10 ตัว และหลังจากเกิดเหตุการณ์ถล่มแล้ว โครงสร้างอาคารมีการลาดเอียงไปทางด้านหลัง ซึ่งเป็นจุดที่เชื่อมต่อกับอาคารจอดรถ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าช่วงระหว่างที่ถล่มนั้นอาจมีคนวิ่งเข้ามาในส่วนของอาคารจอดรถด้วย จึงยังคงต้องมีการค้นหาในบริเวณนี้ต่อจนกว่าจะเคลียร์พื้นที่ได้แบบแล้วเสร็จ 100% 

 

จากการจำลองการหนีของคนส่วนใหญ่ของทุกชั้นจะวิ่งมาหาบันไดหนีไฟ ซึ่งเป็นจุดเดียวของอาคารที่เชื่อมระหว่างอาคาร 30 ชั้นกับอาคารจอดรถยนต์ จึงอาจมีผู้ติดค้างติดอยู่บริเวณเศษซากอาคารที่ถล่มลงมาในบริเวณจุดเชื่อมได้ ซึ่งสมมุติฐานดังกล่าวยังสอดคล้องกับ ข้อเท็จจริงที่พื้นที่ที่พบผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จะอยู่ในโซน C ตรงจุดที่คาดว่าเป็นช่วงบันไดหนีไฟ จึงคาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 วันจะค้นหาบริเวณชั้นใต้ดินแล้วเสร็จ และภายใน 4-5 วัน จึงจะแล้วเสร็จภารกิจ โดยในเบื้องต้นจะพยายามให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 10 พฤษภาคมที่จะถึงนี้

 

นายไทวุฒิ ยอมรับว่า กทม. ไม่มีประสบการณ์ในการทำงานในการกู้ซากอาคาร แต่ยืนยันว่าจะทำงานด้วยความพยายามและระมัดระวัง เพื่อค้นหาและนำผู้ติดค้างออกมาให้ได้ครบถ้วนที่สุด พร้อมขอขอบคุณการสนับสนุนเครื่องจักรกล และอุปกรณ์ต่าง ๆ ขณะนี้มีกว่า 80 เครื่อง แม้การดำเนินงานในแต่ละวันค่อนข้างมีอุปสรรค มีการวางแผนงานการประชุม 9 โมงเช้าและ 6 โมงเย็นทุกวัน และหน้างานมีการมีปัญหา ที่ต้องวางแผนแก้ปัญหาในแต่ละวันที่ไม่เหมือนกัน แต่ทุกคนที่เข้ามาก็ทำงานกันอย่างเต็มที่ในการค้นหาผู้สูญหาย และตลอดเวลาที่ผ่านมาเครื่องจักรต่างๆ มีการทำงานอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อที่จะเร่งกู้ร่างของผู้ที่ติดอยู่ในซากตึก ซึ่งการทำงานของเครื่องจักรทุกคันในวันนี้จะเน้นไปที่การทำงานบริเวณชั้นใต้ดินทั้งหมด

 

เคลียร์ซากเปิดพื้นที่อาคาร สตง. ครบ ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม จุดเชื่อมอาคารหลัก และ อาคารจอดรถ

เคลียร์ซากเปิดพื้นที่อาคาร สตง. ครบ ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม กู้ซากตึกโซน B