
ผอ.รพ. ขอลาออกราชการ หลังเจรจาผู้บาดเจ็บไม่ได้ข้อยุติ
ผอ.รพ. ขับรถชนคนบาดเจ็บ ขอลาออกราชการแล้ว เตรียมสู้คดีชั้นศาล หลังเจรจาผู้บาดเจ็บไม่ได้ข้อยุติ คู่กรณีเรียก 3 แสน
จากเหตุ ผอ.โรงพยาบาล แห่งหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิ เมาแล้วขับ ชนผู้ช่วยช่างภาพบาดเจ็บสาหัส 2 ราย เมื่อคืนที่ผ่านมา
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุ ผอโรงพยาบาลพยายามติดต่อให้ทาง ตำรวจช่วยเจรจากับผู้บาดเจ็บ โดยทาง พ.ต.อ.พิชิต มีแสง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ได้ช่วยเป็นตัวกลางในการขอแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีที่เกิดขึ้น เพื่อให้มีการไกล่เกลี่ย ระหว่าง ผอ.รายนี้ ที่เป็นคนขับรถชนกับ ผู้ช่วยช่างภาพที่ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย คือ นายเอส เป็นช่างภาพทีวีช่องอัมรินทร์ทีวี และนายทศวรรษ ช่างภาพไทยรัฐทีวี ซึ่งในส่วนผลการติดต่อขอไกล่เกลี่ยกันค่าเสียหายและค่ารักษาพยาบาลครั้งนี้กับนายทศวรรษ อินพุก ช่างภาพข่าวไทยรัฐทีวี ในฐานะผู้เสียหาย
เบื้องต้น ผู้บาดเจ็บเรียกค่าทำขวัญและค่ารักษาพยาบาลเป็นจำนวน 3 แสนบาท ซึ่งขณะที่ทาง ผอ.โรงพยาบาล ปฏิเสธยอดเงินดังกล่าว จึงทำให้ตัวแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอยุติการช่วยเจรจาครั้งนี้ไว้ก่อน เพราะยังไม่สามารถตกลงกันได้ และให้เลื่อนการไกล่เกลี่ยออกไปเป็นวันที่ 15 พ.ค. เนื่องจากต้องรอให้ นายเอส ช่างภาพอัมรินทร์ทีวี อีกคนรักษาตัวให้หายดีก่อน และรอผลจากใบรับรองแพทย์ด้วย จึงเข้าสู่ขบวนการขอไกล่เกลี่ยพร้อมกันใหม่อีกครั้ง
ในส่วนผลการตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของ ผอ.โรงพยาบาลนั้น ที่เครื่องวัดแอลกอฮอล์ในครั้งนี้ยังให้ผลไม่ชัดเจนเนื่องจากเครื่องตรวจวัดซ้ำกัน 2 ครั้ง จาก 119 และมาเป็นอีกครั้งที่สองเป็น 107 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ยังไม่สามารถระบุผลจากเครื่องตรวจที่ชัดเจนได้ เครื่องอาจจะฟังหรือมีปัญหาที่ระบุวันที่ตรวจยังไม่ตรงกับวันตรวจ ซึ่งอาจเกิดความคลาดเคลื่อนขึ้นได้
ทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ จึงได้พา ผอ.โรงพยาบาล รายนี้ ไปเจาะเลือดตรวจที่จะต้องมีการส่งไปตรวจสอบอย่างละเอียดที่สถาบันการแพทย์ที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อผลตรวจทางการมีเอกสารรองรับได้ชัดเจนว่ามีแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดจริงหรือไม่ ซึ่งผลจะออกอีกประมาณ 7 วัน รวบรวมหลักฐานดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
นอกจากนี้ในวันเดียวกันยังมีรายงานว่า
ผอ.โรงพยาบาล รายนี้ได้แจ้งต่อการเจรจากันทั้ง 2 ฝ่ายในครั้งนี้ว่า พร้อมที่จะแสดงความรับผิดชอบ ที่ตนเองใกล้จะเกษียณอายุราชการภายในอีก 1 ปีหลังจากนี้แล้ว ที่เคยหวังว่าตั้งใจเลือกโรงพยาบาลประจำอำเภอแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลสุดท้ายในชีวิตของการเกษียณที่นี่ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ
แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ จึงขอตัดสินใจลาออกจากราชการทันที เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทุกฝ่ายเพื่อขอต่อสู้ทางคดีดังกล่าวตามขั้นตอนกฏหมายต่อไป