
ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด อดีตนายกฯบางเตย โกงเงินกลุ่มเลี้ยงแพะ
ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด อดีตนายกเทศมนตรีตำบลบางเตย เบียดบังเงินกลุ่มเลี้ยงแพะ เงินเข้ากระเป๋าตัวเอง เตรียมส่งรายงานคดีให้อัยการสูงสุดต่อ
30 เม.ย. 2568 ที่ห้องประชุมนางหงส์ โรงแรม เลอ เอราวัณ พังงา อำเภอมืองพังงา นายสุชาติ กรวยกิตานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 8 และนายทวิชาติ นิลกาญจน์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 9 นำผู้อำนวยการการสำนักงาน ป.ป.ช. 14 จังหวัดภาคใต้ ร่วมแถลงข่าวผลการดำเนินงาน
นายสุชาติเผยถึงคดีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติและรับรองรายงานแล้วจำนวน 1 เรื่อง คือ ชี้มูลความผิดเรื่องกล่าวหา นายพีรเดช (สงวนนามสกุล) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลบางเตย อำเภอเมืองพังงา เรียกให้ชำระหนี้และรับชำระหนี้เงินกู้ยืมในโครงการเศรษฐกิจชุมชน (กลุ่มเลี้ยงแพะ) หมู่ที่ 2 ตำบลบางเตย ของเทศบาลตำบลบางเตย แล้วเบียดบังเป็นของตนเองโดยทุจริต
จากการไต่สวนข้อเท็จจริงปรากฏพฤติการณ์ว่า องค์การบริหารส่วนตำบลบางเตย (ยกฐานะเป็นเทศบาลตำบลบางเตยตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. 2555) ได้รับเงินอุดหนุนทั่วไปจากรัฐบาล จำนวน 800,000 บาท เพื่อใช้ในโครงการส่งเสริมอาชีพเศรษฐกิจชุมชน ส่งเสริมให้ราษฎรในพื้นที่ได้มีอาชีพและมีรายได้ แก้ไขปัญหาการว่างงานให้กับราษฎรในพื้นที่
ต่อมาวันที่ 5 มี.ค. 2544 นายพีรเดช ในฐานะประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบลบางเตย พิจารณาอนุมัติตามคำร้องขอกู้เงินทุนโครงการเศรษฐกิจชุมชน จำนวน 100,000 บาท ของนายสุทัศน์ ในฐานะตัวแทนสมาชิกโครงการกลุ่มเลี้ยงแพะ หมู่ที่ 2 ทั้งหมด 10 ราย และทำสัญญากู้ยืมเงินกันในวันที่ 9 มี.ค 2544 กำหนดส่งใช้เงินคืนครบจำนวนที่ยืมภายใน 5 ปี ตามสัญญายืมเงินเลขที่ 4/2544 ซึ่งองค์การบริหารส่วนตำบลบางเตยได้จ่ายเงินกู้ยืมให้กับผู้กู้ยืม จำนวน 100,000 บาท ครบถ้วนแล้ว ภายหลังได้ทำสัญญายืมเงินและรับเงินปรากฏว่า สมาชิกผู้กู้ยืมเงินไม่สามารถส่งใช้เงินคืนครบจำนวนที่ยืมได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา
ต่อมาวันที่ 3 ก.ย. 2553 สมาชิกผู้กู้ยืมเงินได้เข้าทำสัญญารับสภาพหนี้ต่อนายพีรเดช ในฐานะนายกเทศมนตรีตำบลบางเตย ทั้งนี้ ตั้งแต่สมาชิกผู้กู้ยืมเงินทำสัญญายืมเงินและสัญญารับสภาพหนี้ ปรากฏว่า สมาชิกผู้กู้ยืมเงินชำระหนี้เงินกู้ยืมให้แก่เจ้าหน้าที่การเงินของเทศบาลตำบลบางเตย และ นายพีรเดช ซึ่งในส่วนที่ได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหน้าที่การเงินของเทศบาลตำบลบางเตย มีการออกใบเสร็จรับเงินไว้ครบถ้วน แต่ในส่วนที่ได้ชำระหนี้ให้แก่นายพีรเดช รวมจำนวน 46,700 บาท นั้น
นายพีรเดช ได้รับเงินไว้โดยมีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่ปรากฏว่านายพีรเดช มิได้นำเงินไปส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายกองคลังหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน แต่กลับเบียดบังเป็นของตนเอง ถือว่า เป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย สำหรับตนเอง ทำให้เกิดความเสียหายแก่เทศบาลตำบลบางเตยและสมาชิกผู้กู้ยืมเงิน คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมครั้งที่ 3/2568 เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2568 ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติในกรณีกล่าวหาผู้ถูกกล่าวหา ดังนี้
การกระทำของนายพีรเดช ผู้ถูกกล่าวหา ความมีมูลผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้น เป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริตหรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดฐานปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่งหรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73
ให้ส่งรายงานสำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาล ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และให้ส่งรายงานสำนวนการไต่สวนเอกสารหลักฐาน คำวินิจฉัย ไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยกับนายพีรเดช ตามฐานความผิดดังกล่าวตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแต่กรณีต่อไป และให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบ
ทั้งนี้ให้เทศบาลตำบลบางเตย อ.เมืองพังงา จ.พังงา ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 82 วรรคสอง ต่อไปด้วย "การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด"