
ศาลฎีกา สั่งไต่สวนคดี "ทักษิณ" รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ
ศาลฎีกา สั่งไต่สวนเอง คดี "ทักษิณ" รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัด 13 มิ.ย. นี้ แต่ยกคำร้อง "ชาญชัย" เหตุผู้ร้องไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง
30 เม.ย. 2568 เวลา 12.40 น. นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขณะที่ นายสมชาย แสวงการ อดีตสว. และ นายนิติธร ล้ำเหลือ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เดินทางมาให้กำลังใจ กรณียื่นขอให้ไต่สวนกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 8 ปี แต่ได้รับการลดโทษเหลือ 1 ปี ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เข้ารับการรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89 มาตรา 89/2 (1) (2) และมาตรา 246 และไม่อาจอ้างกฎกระทรวง เรื่อง การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ
นายชาญชัย กล่าวว่า วันนี้มาฟังคำสั่งตามที่ศาลนัด หากศาลรับไว้ไต่สวน คงจะมีคำสั่งเพิ่มเติมออกมาด้วยให้ทำอะไรบ้าง แต่หากศาลไม่รับ ก็ต้องดูว่าจะนำมาเปิดเผยอะไรได้หรือไม่และจะมาให้สัมภาษณ์สื่อภายหลัง
ส่วนที่ยื่นร้องครั้งที่ 3 ในกรณีดังกล่าว ได้ยื่นเรื่องที่เป็นสาระสำคัญ และมี 4 หน่วยงานราชการ ครั้งนี้ที่ร้อง คือ มีการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ และเป็นการละเมิดอำนาจศาล โดยจำเลยที่ไม่ได้จำคุกตามอำนาจศาล ผู้ใดไปเกี่ยวข้อง ซึ่งศาลจะมีอำนาจดำเนินการตามกฎหมาย กรณีที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่ง หากมีการอ้างว่า ป่วยเพื่อทุเลาโทษ
ต่อมาเวลาประมาณ 13.00 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ บ.ค.1/2568 ระหว่าง อัยการสูงสุด คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน โจทก์ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ เป็นผู้ร้อง นายทักษิณ ชินวัตร จำเลย ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2566 และวันที่ 15 ก.พ. 2567 กับขอให้ไต่สวนการบังคับโทษจำคุกแก่จำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม4/2551 จำเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขแดงที่ อม.10 /2552 และจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม 5/2551 ของศาลนี้ตามคำร้องฉบับลงวันที่ 10 ม.ค.2568
ศาลพิเคราะห์คำร้องและเอกสารท้ายคำร้องแล้ว เห็นว่า ผู้ร้องไม่ใช่คู่ความในคดีหมายเลขแดงที่ อม.4/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม.10/2552 และ คดีหมายเลขแดงที่ อม.5/2551 ของศาลนี้ อีกทั้งไม่ใช่ผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการบังคับโทษจำคุกแก่จำเลยในคดีดังกล่าว เมื่อผู้ร้องไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในชั้นบังคับตามคำพิพากษา จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลนี้ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อความปรากฏต่อศาลว่า อาจมีการบังคับตามคำพิพากษาที่ไม่เป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของศาลนี้
ศาลย่อมมีอำนาจไต่สวนและมีคำสั่งตามที่เห็นสนสมควร จึงเห็นควรส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์และจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม.4/2551จำเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขแดงที่ อม 10/2552 และจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม.5/2551 ของศาลนี้ แล้วให้โจทก์และจำเลยดังกล่าวแจ้งต่อศาลว่า มีข้อเท็จจริงตามที่กล่าวอ้างในคำร้องหรือไม่ อย่างไร กับสำเนาคำร้องให้ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษเทพมหานคร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อให้ชี้แจงข้อประกอบการพิจารณาของศาลว่า การดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบังคับโทษจำคุกแก่จำเลยเป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของศาล หรือไม่ อย่างไร ตาม พรป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560มาตรา 6 โดยให้โจทก์ จำเลยดังกล่าว
ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลาลตำรวจ แจ้งให้ศาลทราบ พร้อมกับแสดงหลักฐานที่เกี่ยวข้องภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับทราบคำสั่งศาล
สำหรับที่ผู้ร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลนั้น เมื่อผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาล กรณีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยคำขอดังกล่าว ทั้งนี้ศาลมีคำสั่งให้นัดพร้อมหรือนัดไต่สวนในวันที่ 13 มิ.ย. เวลา 9.30 น.