
โอ้ละพ่อ จัดงานศพ 3 วัน เพิ่งรู้ไม่ใช่ลูก แต่เป็นเพื่อนลูก
ตำรวจโทรแจ้ง ลูกถูกรถชนเสียชีวิต พ่อแม่ไปรับศพมาจัดงานศพ ตั้งสวดได้ 3 วัน เพิ่งรู้ไม่ใช่ลูก ยอมรับเอ๊ะใจ แต่จำใบหน้าไม่ได้
26 มี.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า มีเรื่องเข้าใจผิดกรณีครอบครัวหนึ่งจัดงานศพลูกชาย เนื่องจากคิดว่าเสียชีวิตจากเหตุ รถจักรยานยนต์ชนท้ายรถบรรทุกพ่วงซึ่งจอดไว้ไหล่ทาง บนถนน 41 ขาขึ้นเลยสี่แยกโพธิ์ทองไปเล็กน้อย เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ที่ผ่านมา
โดยหลังเกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 คน จึงนำส่งโรงพยาบาลควนขนุนและโรงพยาบาลพัทลุง ต่อมาผู้เสียชีวิต 1 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจและพยาบาลได้โทรแจ้งผู้ปกครอง หลังจากได้เบอร์โทรศัพท์ โดยบอกว่า ทำใจลูกคุณประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ขอให้เดินทางมายังโรงพยาบาลพัทลุง ผู้เป็นพ่อและแม่ได้ถามพยาบาลว่าลูกเจ็บกี่คน พยาบบาลบอกว่า เจ็บสาหัส 1 และเสียชีวิต 1
ซึ่งแม่ยังถามต่อว่าคนที่เสียนั้น อ้วนหรือผอม พยาบาลบอกว่าผอม ก่อนเดินทางมารับศพลูกชาย ที่โรงพยาบาล คนที่เสียนั้นชื่อ นายพงศภัค (สงวนนามสกุล) อายุ 17 ปี ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น ชื่อธนกฤต (สงนนามสกุล) อายุ 17 ปี เช่นกัน นายวัชรินทร์และนางอมราวดี พ่อแม่ของนายพงศภัคผู้เสียชีวิต เดินทางมารับศพที่โรงพยาบาล
นางอมราวดี หรือ ปู ผู้เป็นแม่ เล่าว่า หลังจากรับแจ้งจากตำรวจว่าลูกชายเสียชีวิต ตนและสามีสติแตก มารับศพลูกชายด้วยความอาลัย เมื่อมาถึง พยาบาลบอกลูกคุณอ้วนหรือผอม บอกว่าผอม ก่อนสามีเดินเข้าไปดูศพ แต่จำหน้าไม่ได้ เนื่องจากที่ลำคอมีการพันแผลเอาไว้ และไปหน้าก็ยุบหายไป ไม่มีค้าวโครงเดิมเลยจำไม่ได้ แต่เอ๊ะใจหลังจากพยาบาลบอกว่า นั่นเสื้อผ้าลูกคุณ ตนบอกว่าไม่ใช่ และตำรวจก็เข้ามา ตนก็บอกว่าเสื้อผ้าเปื้อนเลือดไม่ใช่ของลูกชายฉัน แต่ตำรวจไม่ได้ถามอะไร ตนก็นำศพลูกชายกลับบ้านไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนา ที่บ้านเกิด อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ในวันที่ 23 มี.ค. จนกระทั่งเมื่อวานนี้ พี่นก แม่ของนายธนกฤต ที่ได้รับบาดเจ็บไปในงานศพลูกชาย
จากนั้นเห็นมีการลงประชาสัมพันธุ์บริจาคเลือดกรุ๊ป เอ เลยสงสัย เพราะเป็นกรุ๊ปเลือดของลูกชายและในใบชันสูตร์ศพที่รับมาจัดงานนั้น เป็นเลือดกรุ๊ป บี ตนจึงถาม ก่อนพี่นก มาบอกว่า แกสงสัยเหมือนกันที่เฝ้าอยู่ที่ รพ. 3 วัน เห็นลูกชายไม่ได้เจาะใบหูเลยสงสัย เพราะลูกชายตนเอง เจาะใบหู ก่อนวันนี้ทั้ง 2 เดินทางมายังโรงพยาบาลพัทลุง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับว่าเกิดอะไรขึ้น จากการสอบถามในเบื้องต้นมีทั้งตำรวจและพยาบาล แต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบ
ขณะนั้นผู้สื่อข่าวได้อยู่ด้วย ก่อนพยาบาลบอกมีอะไรให้ไปคุยกันข้างในและไม่ต้องให้ข้อมูลผู้สื่อข่าว เดี๋ยวทางโรงพยาบาลจะเสียหาย ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่งใน อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานศพนายพงศภัค โดยมีการตั้งศพบำเพ็ญพิธีทางศาสนามาแล้ว 3 คืน มีเครือญาติพี่น้องมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก แต่ในวันนี้หลังทราบข่าวว่านายพงศภัค ยังมีชัวิตอยู่ ทำให้ทุกคนที่เศร้ามา 3 วัน ต่างก็รู้สึกโล่งใจขึ้น
นายวัชรินทร์ ผู้เป็นพ่อ กล่าวว่า รู้สึกโล่งใจที่ลูกชายยังไม่เสียชีวิต ก่อนหน้านี้ทำใจไว้แล้ว หลังจากรับศพลูกชายมาประกอบพิธีทางศาสนา ตอนไปรับศพลูกก็จำหน้าไม่ได้ในตอนนั้น และตอนรดน้ำศพก็ไม่ได้ดูหน้ากัน เนื้องจากใบหน้าเสียโฉมเลยทำให้เข้าใจว่าลูกชาย
ด้านยายแคล้ว (สงวนนามสกุล) อายุ 86 ปี ทวดของนายพงศภัค กล่าวตอนแรกรู้สึกเสียใจเพราะหลานมาเสียชีวิต ตั้งแต่เด็กๆ แต่พอมาทราบข่าวอีกครั้งในวันนี้ว่าหลานยังไม่เสียและอาการดีขึ้น ดีใจ ถือว่าเป็นการฟาดเคราะห์ไป