สาวปลิดชีพดับ ใต้สะพานลอย แม่ร่ำไห้ เผยชนวนเหตุ ไม่ได้เงินมรดก 1.3 ล้าน | คมชัดลึก

เมื่อเวลา 21.15 น. วันที่ 20 มี.ค. 2568 ร.ต.ท.หญิง ธัญชนก ชนะชมพู รองสารวัตร(สอบสวน)สภ.เมืองสระบุรี รับแจ้งมีผู้ผูกคอเสียชีวิต บริเวณใต้สะพานลอย ริมถนนมิตรภาพ ตรงข้ามขนส่งสระบุรี อ.เมืองฯ จ.สระบุรี จึงพร้อมด้วย นายเศรษฐกิจ เพิ่มพูล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8, พ.ต.อ.สุริยะ สุดกังวาน ผกก.สภ.เมืองสระบุรี, เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ และแพทย์เวร รพ.สระบุรี เดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบร่างหญิงสาววัยกลางคน ใช้เชือกแขวนคอตัวเองกับราวสะพานลอย และพบสมุดเขียนลาตาย 1 เล่ม บรรยายถึงลูกๆ และขออโหสิกรรม นอกจากนี้ยังเขียนถึงครอบครัว เรื่องความน้อยใจต่างๆ ระบุทำนองว่า "ไม่ให้แม่มางานศพ ไม่ต้องเกิดมาเป็นแม่ลูกกันอีก มีแม่ที่เห็นแก่ตัว มีแม่ที่ลำเอียง รักลูกไม่เท่ากัน ที่ผ่านมาดูแลแม่ แต่กลับไม่เห็นคุณค่า รู้สึกเสียใจและเสียความรู้สึกกับแม่มากๆ"
 

ตรวจสอบภายในกระเป๋า พบบัตรประชาชนระบุชื่อ น.ส.อุไรวรรณ อายุ 42 ปี ชาวบ้าน ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี หลังทราบตัวผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามญาติมายังจุดเกิดเหตุ ไม่นานนัก ลูกสาวและลูกชายของผุ้ตายได้รีบรุดมายังที่เกิดเหตุ เมื่อเห็นร่างไร้วิญญาณของผู้เป็นแม่ ถึงกับทรุดลงร้องไห้แทบขาดใจ

น.ส.นัน (นามสมมุติ) ลูกสาวผู้เสียชีวิต เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุมีปัญหาเรื่องการแบ่งมรดก กับพี่น้องทางฝั่งแม่ ทำให้แม่เกิดความเข้าใจผิด คิดว่ายายไม่รัก แม้ยายจะพยายามอธิบายแล้ว แต่แม่ยังรู้สึกน้อยใจ เมื่อวานเพิ่งพาแม่กลับบ้าน แม่ยังดูปกติดี ไม่มีวี่แววว่าจะคิดสั้น แม่ออกจากบ้านไปตอนเย็น บอกว่าจะไปบ้านญาติ แต่ไม่นานมีญาติโทรมาแจ้ง ว่าแม่บ่นตัดพ้อว่า "น้อยใจ จะไปฆ่าตัวตาย" ก่อนวิ่งออกจากบ้านไป ตนเองกับน้องชายพยายามโทรหาแม่หลายสิบสาย แต่ไม่มีใครรับ จึงขับรถออกตามหา จนสุดท้ายมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ โทรมาแจ้งข่าวร้าย
 

ความคืบหน้า 21 มี.ค. 2568 ครอบครัวนำร่าง น.ส.อุไรวรรณ มาบำเพ็ญกุศลที่ วัดเขาคูบา ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี ท่ามกลางความอาลัยของครอบครัว และญาติสนิท

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงปมปัญหา โดยแม่ของผู้เสียชีวิต เผยว่า ต้นเหตุทั้งหมดมาจากเงินมรดก 2.6 ล้านบาท ที่ตนได้รับจากการขายที่ดิน แต่เงินทั้งหมดนั้นยังอยู่ที่ลูกสาวคนโต ซึ่งเป็นพี่สาวต่างพ่อกับผู้ตาย พี่สาวยังไม่โอนเงิน น้องใจร้อน น้อยใจแม่ จนตัดสินใจปลิดชีพ

แม่ผู้ตาย บอกอีกว่า ลูกสาวทั้งสองคน จะได้รับส่วนแบ่งคนละ 1.3 ล้านบาท แต่ปัญหาเกิดขึ้นเพราะ พี่สาวยังไม่ยอมโอนเงินให้น้อง แม้จะตกลงกันไว้แล้ว ผู้เสียชีวิตจึงเกิดความเครียด และเข้าใจผิดว่าแม่ เข้าข้างพี่สาว

ฉันพยายามบอกให้ลูกใจเย็น ๆ เดี๋ยวพี่เขาก็โอนให้ แต่ลูกคนนี้เป็นคนใจร้อน คิดมาก และน้อยใจแม่

แม่ยืนยันว่าหากพี่สาวรีบโอนเงินให้เร็วกว่านี้ เหตุสลดอาจไม่เกิดขึ้น หลังเกิดเหตุโทรหาลูกสาวคนโต ให้โอนเงินจัดงานศพ แต่ถูกบ่ายเบี่ยง และให้หาเงินจัดงานไปก่อน อ้างว่าจะรีบโอนให้ภายหลัง