ข่าว

จับกุม 7 ข้าราชการกองการกีฬา จัดจ้างซ่อมรถบัสทิพย์ มากถึง 28 ครั้ง

จับกุม 7 ข้าราชการกองการกีฬา จัดจ้างซ่อมรถบัสทิพย์ มากถึง 28 ครั้ง

12 มี.ค. 2568

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมกับ ป.ป.ท. ป.ป.ช. สตง. จับกุม 7 ข้าราชการพลเรือนกองการกีฬา จัดจ้างซ่อมรถบัสทิพย์ ตั้งแต่ปี 65-67 รวมกว่า 28 ครั้ง

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ร่วมกันสืบสวนจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาข้าราชการพลเรือน สังกัดกองการกีฬา สำนักวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร จำนวน 7 ราย โดยสามารถจับกุมได้ที่ กองการกีฬา กทม. ดินแดง อาคารกีฬาเวสน์ 3 ถนนมิตรไมตรี แขวงและเขตดินแดง กรุงเทพมหานคร

 

พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตรวจสอบพบความผิดปกติของการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีการจ้างเหมาซ่อมแซมรถโดยสารปรับอากาศ ขนาด 45-50 ที่นั่ง จำนวน 5 คัน ในหน่วยงานราชการ สังกัดกองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร จึงดำเนินการตรวจสอบเอกสารพบว่า หน่วยราชการดังกล่าวมีการเบิกฎีกาจ้างเหมาซ่อมรถโดยสารดังกล่าวในห่วงระหว่างปี พ.ศ.2565 – 2567 โดยไม่มีการส่งรถเข้าซ่อมจริง จำนวน 11 ครั้ง 

 

จับกุม 7 ข้าราชการกองการกีฬา จัดจ้างซ่อมรถบัสทิพย์ มากถึง 28 ครั้ง

โดยกลุ่มของผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่พัสดุขออนุมัติจ้างซ่อม และทำการปลอมใบเสนอราคาของ บริษัทซ่อมรถทั้ง 5 คัน เพื่อจัดทำเอกสารเสนอราคากลางในการจ้างซ่อม แล้วดำเนินการอนุมัติงบประมาณ

 

สตง. จึงส่งเรื่องให้ ป.ป.ท. ดำเนินการ และมีการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในห้วงระหว่างปี พ.ศ.2565 - 2567 มีการจ้างเหมาซ่อมรถโดยสารดังกล่าว โดยที่ไม่มีการส่งรถเข้าซ่อมจริงอีก จำนวน 12 ครั้ง และ กรุงเทพมหานคร ยังตรวจพบ การกระทำลักษณะเดียวกันอีก จำนวน 5 ครั้ง รวมจำนวนเงินที่กลุ่มผู้ต้องหาทำการเบิกจ่ายค่าซ่อมรถ โดยไม่มีการซ่อมจริง 28 ครั้ง หรือ 28 ฎีกาของการเบิกจ่ายงบประมาณ เป็นเงินที่มี การทุจริตทั้งสิ้น 2,790,748 บาท 

หลังปรากฎหลักฐานการกระทำผิดแน่ชัด ทางกรุงเทพมหานคร ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัด จึงเร่งนำเรื่องเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปปป. เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตดังกล่าว จนนำมาสู่การรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับเจ้าหน้าที่พัสดุกองการกีฬาทั้ง 8 ราย ก่อนที่ต่อมาจะมีการประสานติดต่อเข้ามอบตัวในวันนี้ที่อาคารกีฬาเวสน์ จำนวน 7 ราย ส่วนอีกรายคือ นายนพินทร์ ไชยทิพย์ อายุ 47 ปี ได้เสียชีวิตจากการยิงตัวตายไปก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา 

 

จนกระทั่งในวันที่ 12 มี.ค. 2568 ผู้ต้องหา ทั้ง 7 คน ได้ขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.1 บก.ปปป. จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมผู้ต้องหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

สอบถามปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

 

 

จับกุม 7 ข้าราชการกองการกีฬา จัดจ้างซ่อมรถบัสทิพย์ มากถึง 28 ครั้ง

 

รายงานข่าวแจ้งว่า ช่วงเช้าก่อนหน้าที่จะมีการส่งมอบตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 รายนั้น ทาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ และ คณะเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าว ได้นำกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งย่านสุขาภิบาล 3 เพื่อเข้าสอบปากคำพยานบุคคลเพิ่มเติม เนื่องจากแนวทางสืบสวนพบว่า อู่รถดังกล่าว คือ อู่ซ่อมรถ ที่กลุ่มผู้ต้องหาใข้แอบอ้างปลอมแปลงใบเสนอราคาขึ้นมาเพื่อใช้กระทำการทุจริตเงินดังกล่าว 

 

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จากแนวทางสืบสวนพบว่า เจ้าหน้าที่กองการกีฬาที่ตกเป็นผู้ต้องหากลุ่มนี้ ยังเป็นกลุ่มเดียวกันกับเจ้าหน้าที่ที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยคดีทุจริตโครงการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายแพงเกินจริงก่อนหน้านี้ 

 

 

 

สำหรับรายชื่อ 7 ผู้ถูกจับกุม ประกอบด้วย 

1. นายดำรงค์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ จ.19/2568 ลง 5 มี.ค.68

2. นายภูมินทร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ จ.20/2568 ลง 5 มี.ค.68

3. นายคมกริช ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ จ.21/2568 ลง 5 มี.ค.68

4. นายปฏิญญา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ จ.22/2568 ลง 5 มี.ค.68

5. น.ส.สิริกัญญา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ จ.25/2568 ลง 5 มี.ค.68

6. นายอภินันท์ แจ้งข้อกล่าวหา

7. นางสาวสุชาวดี แจ้งข้อกล่าวหา

 

ซึ่งกระทำผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารรับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร ร่วมกันรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นหรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และร่วมกันรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162(1)(4) และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83