
เปิดพฤติการณ์ แก๊งชายฉกรรจ์ จัดฉากฆ่าอำพราง หนุ่ม 32 ปี หวังเงินประกัน 14 ล้าน
สุดโหด! เปิดพฤติการณ์ แก๊งชายฉกรรจ์ จัดฉากฆาตกรรมอำพราง หนุ่ม 32 ปี หวังเงินประกันจาก พ.ร.บ.รถยนต์ 14 ล้าน อึ้ง! ค้นเจอกรมธรรม์ 22 ฉบับ
เมื่อ 8 มี.ค. 2568 ที่ผ่านมา ชุดสืบสวน ภ.จว.สกลนคร จับกุม นายสมศักดิ์ อายุ 56 ปี นายพีรพัฒน์ อายุ 30 ปี และนายสกล อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสว่างแดนดิน ข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน" หลังก่อเหตุร่วมกันฆาตกรรมอำพราง นายวิเชียร อายุ 32 ปี เพื่อหวังเงินประกัน 14 ล้าน สอบสวนทั้งหมดให้การปฏิเสธ
การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากมีตัวแทนกลุ่มบริษัทประกันภัยเอกชน ยื่นเรื่องร้องเรียนไปยัง พล.ต.ต.สมจิตร เหล่ามงคลนิมิต ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร ว่าอยากให้ตรวจสอบกรณีเหตุการณ์ เมื่อช่วงค่ำ วันที่ 10 ก.พ. 2568 นายวิเชียร อายุ 32 ปี ประสบอุบัติเหตุตกจากรถกระบะ แล้วถูกรถยนต์อีก 2 คัน ที่ชักลากจูงขับตามหลัง ชนจนเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กม.ที่ 15 ต.ธาตุ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร โดยผลชันสูตรแพทย์ ระบุว่า พบบาดแผลบริเวณคิ้ว และหน้าแข้ง
หลังเกิดเหตุ นายสมศักดิ์ อายุ 56 ปี นายพรชนก อายุ 41 ปี และนายพีรพัฒน์ อายุ 30 ปี ได้เข้ามอบตัวต่อ พ.ต.ท.นันท์มนัส โพธิ์ศรี พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงความตาย ต่อมา นายสกล อายุ 38 ปี ได้รับหนังสือมอบอำนาจ จากนางจันที อายุ 56 ปี แม่ของนายวิเชียร ผู้เสียชีวิต โดยประทับลายนิ้วมือแทนการเซ็นชื่อ ไปขอยื่นรับเงินประกันจาก พ.ร.บ.ประกันภัยรถยนต์ จากบริษัทประกันรถเอกชนจำนวนหลายแห่ง
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พบพิรุธหลายอย่าง เช่น ผลชันสูตรศพ ใบมรณะบัตร ซึ่งค่อนข้างที่จะไม่สอดคล้องกันกับความเป็นจริง เพราะบนร่างกายหากเกิดอุบัติเหตุจริง ต้องมีรอยถลอก หรือรอยชน แต่ผลชันสูตรกลับมีเพียงบาดแผลสองแห่งเท่านั้น รวมไปถึงข้อพิรุธเรื่อง รถยนต์คันที่นายวิเชียรนั่งคันแรก และตกลงมาจากรถ มีการทำ พ.ร.บ.กรมธรรม์ประกันภัยมากถึง 12 กรมธรรม์ และรถยนต์อีก 2 คัน คู่กรณี มีกรมธรรม์ คันละ 5 กรมธรรม์
โดยเป็น พ.ร.บ.ภาคบังคับ 22 กรมธรรม์ ต้องจ่ายชดเชยให้ผู้เสียชีวิตกรมธรรม์ละ 500,000 บาท และ พ.ร.บ.รถยนต์ภาคสมัครใจอีก 6 กรมธรรม์ รวมทั้งหมด 28 กรมธรรม์ ซึ่งเป็นเงินสูงถึง 14 ล้านบาท ที่บริษัทประกันภัยรถยนต์ต้องจ่ายเงินผลประโยชน์นี้ให้บิดา มารดา หรือผู้สืบสายเลือดของนายวิเชียร สำหระบรถกระบะที่ก่อเหตุเป็นชื่อของ นายสกล คนไปรับกรมธรรม์ นางพัชรี (ภรรยาสมศักดิ์) และนางสมพร
สำหรับความคืบหน้าทางคดี เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2568 ที่ สภ.ศรีวิชัย อ.วานนิวาส พ.ต.อ.จิรโรจน์ โรจน์ภานุพัชร์ รองบังคับการตำรวจภูธรสกลนคร พร้อมด้วย พ.ต.อ.วีระศักดิ์ พิมพ์มีลาย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรสกลนคร, พ.ต.อ.วรวิทย์ นนพละ ผกก.สืบสวน ภจว.สกลนคร, พ.ต.อ.พินิจ ประสิทธิ์เขตกิจ ผกก.สภ.วานรนิวาส และชุดสืบสวน
ร่วมประชุมเพื่อหาพยานหลักฐานพยานเพิ่มเติม และติดตามจับกุมตัวนายพรชนก อายุ 41 ปี ผู้ร่วมขบวนการอีกราย ที่ยังหลบหนีอยู่ ซึ่งตำรวจการออกหมายจับผู้ต้องหาครั้งนี้ เพราะมีหลักฐานแน่น เชื่อได้ว่าจากอุบัติเหตุดังกล่าวนั้นมีความพิรุธผิดปกติ
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยัง บ.สุวรรณคีรี ต.วานร อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร พบนางจันที อายุ 56 ปี แม่ของนายวิเชียร ซึ่งเป็นผู้พิการเดินลำบาก และพ่อของนายวิเชียร ที่นอนติดเตียง
นางจันที ให้สัมภาษณ์ว่า วันเกิดเหตุลูกสาวโทรศัพท์มาแจ้ง ว่าน้องชายเกิดอุบัติเหตุ ส่วนรายละเอียดต่างๆ นั้น ตนไม่ทราบมีแต่ให้ลูกสาวดำเนินการทั้งหมด ยอมรับว่าขณะลูกชายมีชีวิตอยู่ มีพฤติกรรมเสพสารเสพติด จนมีอาการจิตเวชทำร้ายร่างกายพ่อแม่เป็นประจำ
ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 9 มี.ค. มีรายงานว่า หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม ให้การรับสารภาพว่ามีการวางแผนทำร้ายร่างกายตรงจุดเกิดเหตุ แล้วทำทีให้รถยนต์มาชน เพื่อตบตาอำพรางให้เกิดเป็นอุบัติเหตุ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมด
มีรายงานด้วยว่า สำหรับนายสกล หนึ่งในผู้ต้องหา เป็นอดีตตัวแทนจำหน่ายประกัน และภายหลังจากที่พ่อนายวิเชียรประสบอุบัติเหตุจนนอนติดเตียง นายสกลก็มาให้คำแนะนำเรื่องเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ประกันภัยรถยนต์กับครอบครัว จึงทำให้มีความสนิทใกล้ชิดกับคนในครอบครัวของนายวิเชียร