
เอ๊ะยังไง? ผบ.เรือนจำ เผย "ผกก.โจ้" ไม่ได้ป่วยจิตเวช แค่เครียดวิตกกังวล
รมว.ยธ. ดูวงจรปิดแล้ว ไม่พบใครทำร้าย "ผกก.โจ้" ขณะที่ ผบ.เรือนจำ ยัน ไม่ได้ป่วยจิตเวช แค่เครียดวิตกกังวล ส่วนผลสอบผู้คุมทำร้าย ไม่พบข้อเท็จจริง
กรณีการเสียชีวิตของ (นช.) พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ ที่ทางกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า เป็นการผูกคอตาย และเผยประวัติการรักษาตัวว่า มีโรคประจำตัว คือ ภาวะหัวใจสั่น มีไขมันในเลือดสูง และมีอาการป่วยด้วยโรคทางจิตเวชวิตกกังวล ซึ่งได้รับการรักษาและรับยาต่อเนื่อง พบจิตแพทย์ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และนัดพบจิตแพทย์อีกครั้ง เม.ย.
8 มี.ค. 2568 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต ซึ่งวันนี้ได้มีหน่วยงานทั้งหมด 4 ฝ่าย ประกอบด้วย อัยการ ฝ่ายปกครอง หมอ และพนักงานสอบสวน รวมถึงครอบครัวที่มี แม่ ภรรยา และน้องสาว ได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ รวมไปถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดไว้
เบื้องต้นได้รับรายงานว่า เป็นการฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอ โดยการใช้ผ้าขนหนูความยาว 30-40 ซม. ผูกกับลูกกรงประตู ซึ่งผ้าอยู่ในระดับหน้าอกและตายด้วยท่านั่งหย่อนก้น เหยียดขาตรง ซึ่งทางเราก็มีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพทางเดินที่ทำให้เห็นว่า ไม่มีผู้ใดเข้าออกในห้องขังของผู้กำกับโจ้ มีเพียงแค่เจ้าหน้าที่ที่นำยาเข้าไปให้ตามเวลา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากผู้กำกับโจ้ ก่อนจะพบว่าเสียชีวิตลงแล้ว ส่วนจะเป็นการเสียชีวิตก่อนผูกคอหรือผูกคอก่อนเสียชีวิตนั้น ก็จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามทางเราจะยังไม่ตัดประเด็นเรื่องที่ผู้อื่นทำให้ตาย
ส่วนการชันสูตรพลิกศพและการวินิจฉัยให้เป็นความเห็นของทางแพทย์ ซึ่งทางครอบครัวอยากให้นำศพไปที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อรอพิสูจน์ข้อเท็จจริง ก่อนที่จะส่งศพคืนให้ญาติ ส่วนที่ญาติติดใจการเสียชีวิตครั้งนี้ แล้วจะเก็บศพไว้จนกว่าจะพิสูจน์ความจริงก็เป็นสิทธิของทางญาติ โดยทางคณะทำงานก็จะพยายามทำให้โปร่งใสที่สุด เพื่อความเชื่อมั่นของประชาชน โดยคณะกรรมการจะมีการตรวจพยานหลักฐานทั้งในส่วนเรื่อง DNA บนผ้า บนวัตถุพยานทุกอย่าง
ส่วนที่ทางญาติเคยแจ้งความ ผู้กำกับโจ้ถูกทำร้ายร่างกาย ภายในเรือนจำเมื่อเดือน ม.ค. ได้มีการตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยทางตัวผู้กำกับโจ้อ้างว่า ถูกผู้คุมทำร้ายร่างกาย ทางเรือนจำเองก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการภายในตรวจสอบแล้ว และเจ้าหน้าที่ที่ถูกกล่าวหาก็ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ที่ทำร้าย เรื่องดังกล่าวจึงยังไม่มีข้อสรุป และขอเวลาในการพิสูจน์
ส่วนการแจ้งความจากทางญาติ ยืนยันว่า ตำรวจ สน.ประชาชื่น ได้มีการสอบไปแล้ว ผลรายละเอียดจะให้ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ชี้แจง
ด้านนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชนกับผู้ต้องขังอย่างเต็มที่ ยืนยันว่าภายในเรือนจำมีกล้องวงจรปิดบันทึทุกจุด ยกเว้นภายในห้องนอนที่ถือว่าเป็นสิทธิมนุษยชนที่เราต้องดูแล
สำหรับมาตรการของต้องห้ามที่จะนำไปสู่การก่อเหตุมีความเข้มงวดในเรื่องนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าผ้าที่ผู้เสียชีวิตใช้ก่อเหตุเป็นการอนุโลมของเรือนจำให้กับผู้ต้องขังทุกคน เนื่องจากช่วงนี้มีอากาศร้อนจึงให้ไว้ซับเหงื่อ ซึ่งในขณะที่ผู้กำกับโจ้ก่อเหตุเป็นช่วงเวลานอนที่อยู่ในห้องปิดทึบ และอยู่เพียงคนเดียว จึงไม่มีใครเห็น โดยเหตุผลที่ต้องอยู่ห้องขังแยกเพียงผู้เดียว เนื่องจากผู้ต้องขังร้องขอเอง ไม่ได้มีการจับขังเดี่ยว เพราะวิตกังวลกลัวคนทำร้ายและทำให้ตัวผู้ต้องขังรู้สึกปลอดภัยมากกว่า ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ก็มีมาตรการดูแลผู้ป่วยโดยการให้ยาตลอดเวลา อีกทั้งยังมีการนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตามอาการ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเราก็ได้มีการประเมินไว้แล้ว โดยไม่พบว่าทางตัวผู้กำกับโจ้จะก่อเหตุ
ขณะที่นายเผด็จ หริ่งรอด ผอ.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง รักษาราชการแทน ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม กล่าวถึงเรื่องอาการจิตเวชว่า "ไม่มีใครบอกว่า เป็น มีแค่ความวิตกกังวลและความเครียด" ยาที่แจกเป็นยาคลายเครียดและเป็นยานอนหลับ ทั้งนี้ตนเองก็ไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวชหรือไม่ และถ้าเป็นผู้ป่วยจิตเวชจริงๆ ก็ต้องดูแลใกล้ชิด แต่นี่ได้มีการส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ทางโรงพยาบาลฯก็ระบุว่า "มีความเครียดวิตกกังวล ไม่ได้เป็นจิตเวช"
นายเผด็จ ยอมรับว่า เคยมีการกระทบกระทั่งเมื่อเดือน ม.ค. และมีการสอบข้อเท็จจริง เป็นเรื่องคำพูด โดนผู้กำกับโจ้อ้างว่า ถูกผู้คุมทำร้ายร่างกาย แต่กรรมการสอบ "ไม่พบข้อเท็จจริง" ขนาดนั้น จากนั้นจึงได้ย้ายจากแดน 7 เดิมมาอยู่แดน 5
ส่วนผู้กำกับโจ้เคยถูกทำร้ายร่างกายที่เรือนจำหรือไม่ เพราะมีใบรับรองแพทย์ระบุว่า ถูกทำร้ายโดยของแข็งไม่มีคม ที่บริเวณชายโครงด้านซ้าย นายเผด็จ กล่าวว่า เป็นหลักฐานที่นายแพทย์ของกรมราชทัณฑ์ออกให้ว่า มีรอยฟกช้ำที่บริเวณขายโครง ประมาณ 2 เดือนที่แล้ว และการฟกช้ำเกิดการกระของแข็งรักษา 3 วัน ก็จะหาย ส่วนเกิดจากเจ้าหน้าที่หรือไม่นั้น สอบข้อเท็จจริงไปแล้ว "ยังไม่ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ทำหรือใครทำ เพราะเจ้าหน้าที่ปฏิเสธการทำ" และรายละเอียดอยู่ในสำนวนการสอบสวน