ข่าว

ไขข้อข้องใจ "บอร์ดดีเอสไอ" รับเพียงคดีฟอกเงิน "ฮั้ว สว."

ไขข้อข้องใจ "บอร์ดดีเอสไอ" รับเพียงคดีฟอกเงิน "ฮั้ว สว."

06 มี.ค. 2568

เปิดสาเหตุ "บอร์ดดีเอสไอ" รับคดีฟอกเงิน "ฮั้ว สว." พบเส้นเงินเอี่ยวขบวนการมากกว่า 300 ล้านบาท พร้อมเปิดรายชื่อ 4 คกก. ไม่เห็นด้วย

6 มี.ค.68 ที่ประชุมที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ที่มีมติรับคดีความผิดอาญาฐานฟอกเงิน ในคดี "ฮั้ว สว." ไว้เป็นคดีพิเศษ ด้วยมติ 11 เสียง จากทั้งหมด 18 เสียง ไม่เห็นชอบ 4 เสียง และงดออกเสียง 3 เสียง โดยมีผู้ลาการประชุม 3 คน อีก 1 คน คือ นายเพ็ชร ชินบุตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเข้าเซ็นชื่อแต่ไม่เข้าร่วมประชุม

 

ส่วนสาเหตุว่าทำไมบอร์ด กคพ. มีมติ 11 เสียง ให้รับคดีฟอกเงินจากกรณีดังกล่าวไว้เป็นคดีพิเศษเพียงฐานความเดียวนั้น แหล่งข่าว เปิดเผยว่า จากรายงานการสืบสวนของดีเอสไอและการสอบปากคำพยานได้ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีการใช้เงินเกี่ยวกับขบวนการเลือก สว.67 มากเกิน 300 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงก่อนการเลือก สว. ระดับอำเภอ และต่อเนื่องไปจนถึงหลังจบการเลือก สว. ระดับประเทศ ซึ่งยังหมายถึงการเตรียมทรัพย์สินไว้สำหรับใช้กระทำความผิด ทั้งการใช้หรือผลตอบแทนที่ได้รับกลับมาด้วย จึงมีการวินิจฉัยในวันนี้ของกรรมการให้รับคดีฟอกเงินไว้เป็นคดีพิเศษ ด้วยมติชี้ขาด 11 เสียง จากทั้งหมด 18 เสียง ไม่เห็นชอบ 4 เสียง และงดออกเสียง 3 เสียง
 

ส่วนการสอบสวนคดีพิเศษหลังจากนี้ ทาง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะเป็นผู้แต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษขึ้นมา 1 ชุด ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ดีเอสไอและเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่น เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงอันเป็นประโยชน์ต่อการทำสำนวนคดี

 

ไขข้อข้องใจ \"บอร์ดดีเอสไอ\" รับเพียงคดีฟอกเงิน \"ฮั้ว สว.\"

 

ส่วนหลังจากนี้หากมีการสอบสวนขยายผล แล้วพบฐานอาญาความผิดอื่น อาทิ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 (ฐานอั้งยี่) และความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 (3) นั้น แหล่งข่าว กล่าวว่า ทางอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษสามารถรับเพิ่มไว้ดำเนินการได้ เนื่องจากจะเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกัน โดยไม่มีความจำเป็นต้องนำเข้าที่ประชุมของบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษอีกแล้ว แต่คณะพนักงานสอบสวนจะต้องไปดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้ชัดเจน

 

หลังจากนี้ก็จะมีการแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ทำการสอบสวนและออกหมายเรียกพยาน รวมไปถึงการสืบเส้นทางการเงิน โดยเฉพาะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการใช้เงินหรือรับผลตอบแทนตัวเงิน รวมถึงการพิจารณารายการทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด ซึ่งหากพบที่มาของทรัพย์สินดังกล่าวว่า เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินทางอาญาในคดีมูลฐาน เจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะทำการออกคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบชั่วคราว 

ส่วนกรณีของฐานความผิดมาตรา 77 (1) แห่ง พ.ร.ป.ว่า ด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 จะเป็นอำนาจดำเนินการของ กกต. เพื่อไม่ให้เป็นการทับซ้อนหรือขัดข้อกฎหมายระหว่าง 2 หน่วยงาน

 

ส่วนคดีความผิดทางอาญาตามกฏหมายที่กำหนดไว้ในบัญชีท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่กำหนดในกฎกระทรวงโดยการเสนอแนะของคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) โดยคดีความผิดทางอาญาตามกฏหมายดังกล่าวได้มีลักษณะดังต่อไปนี้ (ก) คดีความผิดทางอาญาที่มีความซับซ้อนจำเป็นต้องใช้วิธีการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเป็นพิเศษ และ (ข) คดีความผิดทางอาญาที่มีหรืออาจกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือระบบเศรษฐกิจหรือการคลังของประเทศ แต่ทั้งนี้ หลัก ๆ แล้วคดีฮั้ว สว.67 ในที่ประชุมได้กล่าวถึงการเป็นคดีที่มีความซับซ้อนและมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของสังคม


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับกรรมการที่มีมติไม่เห็นชอบ 4 ราย ประกอบด้วย 1.นายนพดล เกรีฤกษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา (ผู้แทนเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา) 2.นายจิรานุวัฒน์ ธัญญะเจริญ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกฎหมาย (ผู้แทนผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย) 3.นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง (ผู้แทนปลัดกระทรวงมหาดไทย) และ 4.พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ส่วนมติงดออกเสียง 3 ราย ประกอบด้วย 1.นายณรงค์ งามสมมิตร ที่ปรึกษากฎหมาย (ผู้แทนปลัดกระทรวงพาณิชย์) 2.นางเยาวลักษณ์ นนทแก้ว อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ (ผู้แทนอัยการสูงสุด) และ 3.นายอรรถพล อรรถวรเดช ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง (ผู้แทนปลัดกระทรวงการคลัง)