
รวบ ตร.เก๊ ดาวกองร้อยปอยเปต แก๊งหลอก "ชาล็อต-แอนชิลี"สารภาพต้องทำ
จับกุม ดาวกองร้อยปอยเปต ปลอมเป็น ตร. โทรหาเหยื่อปิดดีลหลอกโอนเงิน พบเป็นแก๊งหลอก ชาล็อต-แอนชิลี ด้วย สารภาพเคยหนี แต่ไม่รอด กลับมาถูกตีด้วยไม้เบสบอล
3 ก.พ. 2568 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สวมรอยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อหลอกเงินเหยื่อ คนไทยและบุคคลที่มีชื่อเสียง ทั้ง น.ส.ชาล็อต ออสติน และ แอนชิลี
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ระบุว่า พฤติการณ์สืบเนื่องจาก กก.1 บก.ปอท. ได้รับการร้องทุกข์จากผู้เสียหายมากกว่า 163 เคส ว่า มีคนร้ายแต่งกายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิดีโอคอลมาข่มขู่ผู้เสียหาย แจ้งกับผู้เสียหายว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน และ คดียาเสพติด พร้อมส่งเอกสารปลอมต่างๆ มาให้ผู้เสียหายดู จนทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวและหลงเชื่อว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง และคนร้ายหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้ามาตรวจสอบ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปยังบัญชีคนร้ายรวมเป็นเงินมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท
30 ม.ค. 2568 สามารถจับกุม นายรามิล อายุ31 ปี( ผู้ต้องหาที่ 1) ได้ที่บ้านพัก หมู่ 1 ต.คลองหินปูน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว
2 ก.พ. 2568 สามารถจับกุม นายธนาวุฒิ (ผู้ต้องหาที่ 2) ได้ที่บ้านพัก ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โดยให้การว่าตนเองเป็นผู้ร่วมขบวนการของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งทำหน้าที่แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ วิดีโอคอลเพื่อหลอกลวงเหยื่อจริง
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า เคสนี้ใช้เวลาครึ่งปีในการขยายผล โดยพบว่ากลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้าไปอยู่ในอาคาร 18 ชั้น โดยแก๊งนี้พักอยู่ที่ชั้น 13 มี 50 คน ผู้ต้องหาอ้างถูกชักจูงผ่านโซเชียลโดยคิดว่าจะถูกให้ไปทำงานเป็นแอดมินชักชวนให้เล่นพนัน เพื่อหารายได้ แต่เมื่อไปถึงกลับถูกยึดหนังสือเดินทางและโทรศัพท์ ถูกให้มาทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยบริเวณอาคารจะมีคนคุมและเฝ้าที่หน้าตึกและชั้น 3 โดยชั้น 1 จะเป็นสถานที่ซื้อสินค้า ที่ผ่านมาจากข่าวที่ปรากฏพบอาคารแห่งนี้ว่า มีคนไทยเสียชีวิตจากการกระโดดตึกลงมา 2 ราย
จากการจับกุมพบว่าขบวนการนี้ได้มีการใช้ AI ปลอมแปลงใบหน้า ทำให้ยากต่อการจับกุม ส่วนเงินที่หลอกมาได้ มีการแปลงเงินเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ก่อนจะทำการฟอกเงินเป็นสกุลเงินต่างๆในหลายชาติ เช่น ไทย เวียดนาม และแบ่งส่วนแบ่งรายได้ให้กับผู้ร่วมขบวนการ
ด้านนายรามิล ให้การรับสารภาพว่า ตนเองทำหน้าที่เป็นสาย 1 ในการติดต่อเหยื่อจากระบบ Sim Box ที่มีการเซ็ตระบบไว้โดยตนเองจะได้ข้อมูลของเหยื่อ และจะต้องพูดตามสคริปที่บอสชาวจีน และคนคุมงานซึ่งเป็นคนไทยส่งมาให้ เมื่อผู้ต้องหาพูดชักจูงเหยื่อ จนเหยื่อเริ่มหลงเชื่อแล้ว จากนั้นจะมีการส่งต่อไปให้กับสาย 2 เพื่อดำเนินการ
ด้านนายธนาวุฒิ ให้การรับสารภาพว่า ตัวเองเป็นผู้ร่วมขบวนการของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยแต่งตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและวิดีโอคอลไปหลอกลวงผู้เสียหายอีกหลายราย รวมไปถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย ระหว่างการหลอกลวงจะมีทั้งคนไทยและคนจีนทำหน้าที่เป็นควบคุม และคิดสคริปต์ในการหลอกลวงเหยื่อ เพื่อให้เป็นไปตามบทที่วางไว้ โดยหากตนไม่ปฏิบัติตามหรือต่อต้านจะถูกทำร้ายร่างกาย และหากตนสามารถหลอกจนเหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินมาให้ได้ ตนจะได้รับส่วนแบ่งด้วย
นายธนาวุฒิ ยอมรับว่า ตนเองเป้นพูกคุยกับ น.ส.ชาล็อต ออสติน และ แอนชิลี โดยตัวเองทำหน้าที่เป็นสายที่ 2 เป็นคนปลอบใจ อ้างว่าผู้เสียหายมี ความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน ตอนแรกไม่ทราบว่าได้พูดคุยกับ น.ส.ชาล็อต ออสติน มาทราบตอนที่ได้พูดคุยกันแล้ว โดย น.ส.ชาล็อต จะร้องไห้ เพราะกลัวว่าจะกระทบการทำงาน จึงได้พูดให้เขาสบายใจที่สุดในเรื่องที่เขาไม่สบายใจและให้เขาพักผ่อน โดยได้พูดคุยกันทั้งคืนจนเช้า กำชับไม่ให้ผู้เสียหายวางสายโทรศัพท์ ส่วนชื่อที่เอามาใช้หลอกมีอยู่ในอินเตอร์เน็ต ยอมรับว่าเริ่มทำงานสาย 1 เมื่อปี 2566 ต่อมาในปี 2567 ได้ขยับเลื่อนมารับสาย 2 และที่ผ่านมาเคยพยายามหนี ออกจากขบวนการแต่โดนใช้ไม้เบสบอลตี
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหารายที่ 1 นำส่งพนักงานสอบสว สน.พญาไท ส่วนผู้ต้องหารายที่ 2 นำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยประชาชน ขอให้พึงระลึกไว้เสมอว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจริง จะไม่ทำ 3 สิ่ง ดังนี้
1. จะไม่มีการติดต่อทางไลน์ หรือวิดีโอคอล เพื่อสอบปากคำ หรือแจ้งข้อกล่าวหา
2. ไม่มีการให้ผู้เสียหายโอนเงิน หรือทรัพย์สิน มาตรวจสอบเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์
3. ไม่มีการส่งเอกสารราชการทางไลน์ เช่น หมายเรียก หมายจับ
หากประชาชนพบเจอการหลอกลวงรูปแบบต่างๆในลักษณะข้างต้น ที่มีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจให้บันทึกภาพหน้าจอ หรือ อัดวิดีโอ ขณะสนทนา ส่งแจ้งเป็นเบาะแสได้ทางเฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เพื่อนำไปสู่การสืบสวน และจับกุมกลุ่มขบวนการนี้ต่อไป พร้อมประชาสัมพันธ์ว่า ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) มีการจัดทำบัญชีเพจเฟซบุ๊ก 1 บัญชีชื่อ “ตำรวจสอบสวนกลาง“ และมีสัญลักษณ์บลูติ๊ก (Blue tick) และมีไลน์ขึ้นมาเพียง 1 บัญชีชื่อ “tcsdcenter” โดยจะสามารถเพิ่มเพื่อนผ่านไอดีไลน์ชื่อ “tcsdcenter.staff” เท่านั้น
บัญชีไลน์ดังกล่าวมีจุดประสงค์สำหรับติดต่อกับประชาชนในกรณี “ขอข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้เสียหายเกี่ยวกับข้อมูลลิงก์บัญชีปลอม หรือ URL” จากคดี ซึ่งเคยมีการแจ้งความไว้แล้ว เพื่อทำการปิดกั้นลิงก์ออกจากระบบ ทำให้มิจฉาชีพไม่สามารถใช้บัญชีหรือ ลิงก์ URL ในการหลอกลวงผู้เสียหายคนอื่นได้อีก ซึ่งหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่จะทำการติดต่อกลับ โดยใช้หมายเลข 025139197 และ 0658270902 เท่านั้น
สำหรับชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ภัททสักก์ ธนสุกาญจน์, พ.ต.ท.เอกพล แสงอรุณ รอง ผกก.1 บก.ปอท.,
พ.ต.ท.ปิยเดช แก้วแฝก, พ.ต.ท.อารัติ พายทอง, พ.ต.ท.เอกคณิต เนตรทอง, พ.ต.ท.พรเสกข์ เชาวสันต์, พ.ต.ต.หญิง หทัยชนก อินทรวิจิตร, พ.ต.ต.เริงศักดิ์ อุปลา สว.กก.1 บก.ปอท, ร.ต.อ.ดุสิต ยอดหวิด, ร.ต.อ.ทัศพงษ์
ผ่องใส, ร.ต.อ.กษิดิศ ดิลกคุณานันท์, ร.ต.อ.ณัฐวัฒน์ ตาแว่น, ร.ต.อ.ปฏิญญา สงวนศักดิ์เกสร, ร.ต.ท.นันทนคร บุรี
รอง สว.กก.1 บก.ปอท. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอท.