
สลด! สาวใหญ่กลับจากส่งลูก วูบเสียชีวิต กลางแยกไฟแดง ญาติเผยสาเหตุไม่คาใจ
สลด สาวใหญ่กลับจากส่งลูก ก่อนนอนเสียชีวิตกลางแยกไฟแดง ญาติถึงที่เกิดเหตุ เผย สาเหตุไม่คาใจ คาด เกิดจากโรคประจำตัว
2 ก.พ.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 21.30 น.ของวันที่ 1 ก.พ.2568 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หล่มสัก ได้รับแจ้งมีผู้นอนเสียชีวิตอยู่ในรถยนต์ที่บริเวณแยกสัญญานไฟปากห้วยขอนแก่น ทางหลวงหมายเลข12 หล่มสัก-ชุมแพ ม.3 ต.ปากดุก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลหล่มสัก
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะโตโยต้ารีโว่ สีบรอนซ์ แผ่นป้ายทะเบียนเพชรบูรณ์ จอดอยู่แยกดังกล่าวโดยหันหน้าไปทางด้านที่จะไปอำเภอน้ำหนาว และพบร่างของหญิงนอนเสียชีวิตอยู่ภายในรถยนต์คันดังกล่าวทราบชื่อต่อมาคือนางสุพันธ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 69 ปี ชาวบ้านน้ำดุก ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จากการชันสูตรไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูหล่มสักเปิดเผยว่าได้รับแจ้งจากศูนย์สั่งการกู้ชีพเพชรบูรณ์ ให้ออกตรวจสอบรับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีรถกระบะจอดอยู่กลางสี่แยกปากห้วยขอนแก่น ทางหลวงหมายเลข12 หล่มสัก-ชุมแพ ม.3 ต.ปากดุก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ลักษณะจอดนิ่งไม่ขยับ มีคนขับเป็นผู้หญิงยังนอนแน่นิ่งอยู่ในรถเรียกไม่ตอบสนอง
อาสาสมัครจึงพร้อมด้วยทีมกู้ชีพของรพ.หล่มสัก และเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.หล่มสัก ร่วมกันออกตรวจสอบเมื่อถึงจุดเกิดเหตุ พบกับรถยนต์กระบะคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสี่แยก พบคนขับมาเพียงคนเดียว เจ้าหน้าที่พยายามเรียกแต่ไม่มีอาการตอบสนองทีมกู้ชีพและอาสาสมัครพยายามช่วยชีวิต ตรวจสอบสัญญาณชีพโดยแน่ใจหญิงดังกล่าวได้เสียชีวิตแล้ว จึงได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามติดต่อญาติ
จากนั้นไม่นานญาติๆก็ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุพร้อมทั้งให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า นางสุพันธ์ ได้เดินทางโดยใช้รถยนต์คันนี้ ขับออกจากบ้านที่บ้านน้ำดุก ต.ปากช่อง อ.หล่มสักฯ เพื่อไปส่งลูกชายขึ้นรถโดยสารที่สถานีขนส่งอำเภอหล่มสักเพื่อเดินทางไปทำงานที่จังหวัดชลบุรี เมื่อส่งลูกขึ้นรถเสร็จเเล้วก็ขับรถยนต์เดินทางกลับบ้านที่บ้านน้ำดุก
เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งอยู่ระหว่างทางกลับบ้านได้เพียงครึ่งทาง คาดว่าน่าจะมีอาการวูบเพราะ ก่อนหน้าก็เคยวูบมาแล้วบ่อยครั้ง โดยผู้ตายมีโรคประจำตัวหลายโรค ทางญาติก็ไม่ได้ติดใจอะไรในสาเหตุการเสียชีวิตในครั้งนี้ จึงได้ให้ญาตินำร่างของผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีตามประเพณีต่อไป



