ข่าว

อดีตบิ๊ก ตร. สะท้อนภาพปราบแก๊งคอลฯ เหมือนเอามดแดงไปกัดกับควาย พร้อมแนะ 4 ข้อ

อดีตบิ๊ก ตร. สะท้อนภาพปราบแก๊งคอลฯ เหมือนเอามดแดงไปกัดกับควาย พร้อมแนะ 4 ข้อ

19 ม.ค. 2568

พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น อดีตบิ๊กตำรวจ สะท้อนภาพการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เหมือนเอามดแดงไปกัดกับความ พร้อมแนะ 4 ข้อ

19 ม.ค. 2568 พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก Panya Maman ระบุว่า “วันนี้ขอพูดเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นอาชญากรรมข้ามชาติประเภทหนึ่ง จัดตั้งองค์กรแบบแบ่งหน้าที่กันทำ มีเจ้าของคอลเซ็นเตอร์เป็นนายทุน อาจเป็นคนจีนหรือไต้หวัน หรือชาติอื่นๆ และจัดตั้งศูนย์โทรศัพท์สำหรับเอาคนที่พูดหรือสื่อสารภาษาเดียวกับเหยื่อ ไปตั้งไว้อีกประเทศหนึ่ง เพื่อง่ายแก่การควบคุมและยากต่อการจับกุม

 

เป้าหมายขององค์กรนี้เพื่อเอาเงินออกจากแบงก์หรือสถาบันการเงิน โดยหลอกให้เหยื่อคือ ผู้มีบัญชีเงินไว้กับธนาคาร ช่วยเคลื่อนย้ายเงิน หรือบอกรหัส เพื่อเคลื่อนย้ายข้อมูลในแบงก์นั้นๆ ฉะนั้นการต่อสู้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เราต้องเด็ดหัว นายทุน ทำลายที่ตั้งศูนย์โทรศัพท์ หยุดขบวนการนำพาคนไปโทรศัพท์ในศูนย์ หยุดขบวนการที่จะทำให้เกิดการเชื่อมโยงบัญชีธนาคารของเหยื่อ และบัญชีม้าบัญชีแมวทั้งหลาย

ผลการต่อสู้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เท่าที่รับทราบข้อมูลเป็นเพียงพยายามปิดบัญชีม้า/แมว  โดยเจ้าหน้าที่รัฐร่วมมือกับธนาคาร แต่จริงๆแล้วธนาคารจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้โดยตรง เพราะเป็นผู้ครอบครองเงินในบัญชีต่างๆของเหยื่อ และจะโดยเจตนาหรือเจตนาเล็งเห็นผลหรือน่าจะควรทราบว่าการเปิดบัญชีม้าแมวแบบผิดปกติ จะเป็นส่วนร่วมในอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งน่าจะมีส่วนรับผิด(แพ่งหรืออาญา) หรือรับชอบ(ค่าธรรมเนียมเปิดบัญชีหรือการโอน)

 

แต่การดำเนินการในส่วนนี้ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎหมายหรือกฎระเบียบให้แบงก์หรือธนาคารเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์เคลื่อนย้ายเงินของเหยื่อไป

 

รวมทั้งการดำเนินการในการสืบสวนสอบสวน ตามพฤติการณ์ที่เป็นจริง โดยตั้งเรื่องว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นอาชญากรข้ามชาติที่มุ่งหมายจะเอาเงินออกจากธนาคารโดยหลอกลวงให้เหยื่อคือผู้เปิดบัญชี กับธนาคารเป็นคนช่วยดำเนินการ ซึ่งการสืบสวนสอบสวนในแนวทางนี้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบน่าจะเป็นท่านอัยการสูงสุด เพราะความผิดบางส่วนทำนอกราชอาณาจักรไทย หรือถ้าเป็นการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ก็น่าจะเป็นท่าน ผบ.ตร.

พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น

 

อีกข้อสังเกตหนึ่งก็คือ ผลการปราบปรามที่ผ่านมายังไม่สามารถ นำตัวนายทุนหรือเจ้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาดำเนินคดีได้ ที่เห็นๆอยู่ปัจจุบันก็คือความพยายามที่จะไปตัดน้ำตัดไฟไปตัดสายโทรศัพท์ไปตัดสายอินเตอร์เน็ต อีกทั้งหน่วยที่ใช้ในการดำเนินการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็ใช้หน่วยตั้งใหม่ ขนาดจิ๋ว อาจขาดประสบการณ์ในการปราบปราม เหมือนเอามดแดง มดดำไปกัดกับควาย ซึ่งหนังหนาล้มมันยาก

 

จากสภาพที่เห็น ข้าพเจ้าซึ่งเคยร่วมในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งในไทย และนำทีมไปร่วมกับตำรวจจีนและประเทศอื่นๆ เห็นว่า ผลการต่อสู้น่าจะยังทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์มีฤทธิ์เดชเพิ่มขึ้นมาก่อกรรมทำเข็น กับพี่น้องคนไทยให้หวั่นไหวอยู่ร่ำไป

 

สิ่งที่น่าทำเพิ่มเติมคือ

 

  1. ป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐไปรับผลประโยชน์หรือส่วยจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์
  2. ช่วยประเทศจีนปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ตั้งอยู่ในไทยแล้วไปหลอกคนจีน ในประเทศจีนให้ตำรวจจีนนำผู้ต้องหาเหล่านี้ไปขยายผลให้ถึงนายทุน หรือเจ้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของเดียวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งในประเทศอื่น มาหลอกคนไทย
  3. นำธนาคารซึ่งครอบครองเงินของเหยื่อในบัญชีที่เปิดไว้มาเป็นผู้เสียหายในคดีอาชญากรรมข้ามชาติแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ธนาคารจะพัฒนาระบบ AI หยุดยั้งการเคลื่อนเงินหรือข้อมูลที่ผิดปกติได้ หรือนำระบบหน่วงเวลาต่างๆ มายุติการนำเงินออกจากธนาคารได้ เหมือนเช่นการที่ธนาคารเป็นผู้เสียหายในคดีแก๊งลักบัตรเครดิตหรือปลอมบัตรเครดิต ธนาคารก็ตั้งศูนย์ตรวจสอบการใช้บัตร เมื่อเห็นว่าผิดปกติก็จะโทรไปถามผู้ถือบัตร พอรู้เหตุธนาคารก็ไม่จ่ายเงิน โจรก็ไม่ได้เงิน สิ่งที่โจรลงทุนไปก็เสียเปล่าสุดท้ายยอมแพ้ 
  4. สำหรับตำรวจ น่าจะ ให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นเจ้าภาพ ในการปราบปรามเพราะมีหน่วยที่มีประสบการณ์ มีหน่วยกำลัง ส่วนหน่วยอื่นๆเป็นหน่วยช่วยสนับสนุน เหมือนเอาช้างไปชนกับควาย โดยเอามดมาช่วยช้าง

 

คือ มุมมองของกระผมครับ อาจเกิดประโยชน์ และช่วยทำให้เรายุติปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงรบกวนคนไทยได้ ขออภัยที่สื่อสารแบบบ้านๆครับ” โพสต์ พล.ต.อ.ปัญญา ระบุ