
ทนายวิฑูรย์ เผยสภาพ บอสพอล ในเรือนจำ ติดคุกนานยิ่งน่าเวทนา
ทนายวิฑูรย์ เผยสภาพ บอสพอล ในเรือนจำ ติดคุกนาน เริ่มมีอาการเครียด น่าเวทนา เล็งค้านฝากขังผัด 6 เตรียมเปิด จม.ฉบับที่ 3
11 ธ.ค. 2567 ช่วงบ่าย นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ วรัตน์พล วรัทน์วรกุล บอสพอล ดิไอคอน กรุ๊ป เดินทางเข้าเยี่ยมบอสพอล และบอสดิไอคอนกรุ๊ป ภายในทัณฑสถานหญิงกลาง และเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าเยี่ยมเสร็จสิ้น
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า วันนี้หารือกับบอสดิไอคอนกรุ๊ป ในเนื้อหาคดี พอจะเข้าผัด 6 ของการฝากขังของพนักงานสอบสวนแล้ว จึงต้องหารือกันว่า จะคัดค้านการฝากขังดีหรือไม่ และประเด็นเรื่องคำให้การชั้นสอบสวนว่า ใครจะต้องให้การเพิ่มเติมบ้าง เพราะที่ผ่านมา บอสพอลให้การละเอียดในชั้นตำรวจเพียงคนเดียว ส่วนบอสคนอื่นๆบางคนยังให้การ บางคนก็ยังไม่ได้ให้การ
และวันนี้ก็ได้เข้าไปอัพเดทบอสพอล เรื่องที่แอดมินเอาจดหมายจากเรือนจำของบอสพอล ไปลงในเพจส่วนตัวของบอสพอลว่า ได้รับการตอบรับอย่างไรบ้าง มีทั้งดีและไม่ดี และสารที่ตัวบอสพอลเขียนก็เป็นสิ่งที่บอสพอลคุยกับตนเอง แล้วตนเองก็จดออกมาทุกประโยค แล้วเรียบเรียง ส่งให้แอดมินลงเพจ ซึ่งเลือกที่จะลงเมื่อวานนี้เพราะเป็นวันรัฐธรรมนูญ เลยใช้สิทธิวันรัฐธรรมนูญในการโพสต์ลง หลังจากบอสชายไม่ได้ยื่นประกันตัว มีเพียงบอสวินและบอสดารา ที่ยื่นประกัน แต่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ด้วยเหตุผลเดียวกัน ซึ่งเป็นเหตุผลที่รุนแรง
เหตุผลที่เขียนจดหมายออกมาก็เพื่อต้องการสื่อสารว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องนี้อย่างไร เพราะไม่ได้รับการประกันตัว และการฝากขังจนถึงปัจจุบันผัดที่ 5 ก็ไม่ได้รับการประกันตัว จึงต้องการระบายความรู้สึกของการไม่ได้รับความเป็นธรรมออกมา การสู้คดีอาญาที่ต้องใช้เอกสารค่อนข้างมาก และเป็นเรื่องทางการเงิน เป็นไปได้ยากในการสู้คดีหากไม่ได้รับการประกันตัว
“กระบวนการยุติธรรม มีต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ทุกคนมีสิทธิต่อสู้คดีเป็นสิทธิตามกฎหมายขั้นพื้นฐานที่ควรจะได้ แต่สิทธิของคดีนี้ไม่มี ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกดดันศาล และผมไม่ได้ขออะไรไปมากกว่าสิทธิขั้นพื้นฐาน”
ส่วนกรณีข้อความในจดหมายที่ระบุว่า “คดีนี้ไม่มีผู้เสียหายเลยแม้แต่คนเดียว” ทำไมบอสพอลถึงมั่นใจว่าไม่มีผู้เสียหาย ทนายวิฑูรย์ ชี้แจงว่า เท่าที่พูดคุย ผู้เสียหายต้องแบ่งเป็นผู้เสียตามประมวลกฎหมายพิจารณาความอาญา กับผู้เสียหายจากกากรกระทำความผิดทางอาญา แต่เท่าที่ตนเองได้ข้อมูล บุคคลที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหาย คือ คนที่ซื้อสินค้าไปแล้ว ได้รับสินค้าแล้ว แต่ขายไม่ได้ ไม่ประสบความสำเร็จในการขาย แต่เหตุผลที่ไม่ประสบความสำเร็จในการขาย เขาไม่ได้ประเมินศักยภาพการขายของตัวเอง เพราะคนบางคนขายได้เยอะ บางคนอาจจะขายไม่ได้เลย พอลงทุนไปแล้วจม พอจมไม่โทษตัวเอง แต่หาคนรับผิดชอบ
ส่วนในหมื่นกว่าคน ยืนยันได้เลยหรือไม่นั้น ว่า ไม่มีใครเป็นผู้เสียหายจริงนั้น นายวิฑูรย์ บอกว่า คนที่อ้างเป็นผู้เสียหาย 70% เป็นคนที่เปิดบิล 2,500 บาท ได้ของไปกินใช้ ขายรายย่อยไปแล้ว แล้วจะเป็นผู้เสียหายได้อย่างไร อีกกลุ่ม 25,000 บาท อีกกลุ่ม 250,000 บาท ก็ได้รับสินค้าไปหมดแล้ว หากบอกไม่ได้รับสินค้าก็มาตรวจสอบได้ในคลังสินค้า แต่ก็มีบางคนที่สั่งซื้อสินค้ากับแม่ทีมแล้วอาจจะไม่ได้รับสินค้า นั่นก็เป็นเรื่องของแม่ทีมไม่ได้เกี่ยวกับบริษัท ทั้งนี้หากใครมีข้อมูลว่าซื้อสินค้าไปแล้วแม่ทีมคนไหนไม่ส่งสินค้าให้ ก็มาแจ้งที่บริษัทได้จะพาไปดำเนินคดีให้ด้วย
สำหรับจดหมายฉบับต่อไป ที่จะมีการเผยแพร่ ซึ่งเป็นฉบับที่ 3 อยู่ในระหว่างการเรียบเรียงเนื้อหา โดยจะสื่อสารเพื่ออธิบายกับสังคมให้เข้าใจว่า คดีนี้ถึงไม่มีผู้เสียหาย ซึ่งมีจดหมายมากกว่า 5-6 ฉบับ โดยไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ฉบับที่ 5 เป็นต้นไป คาดว่าจะมีการเผยแพร่ให้ครบภายในปีนี้
นายวิฑูรย์ ยังบอกถึงสภาพจิตใจของบอสพอลด้วยว่า ช่วงหลังๆพอติดคุกนาน สภาพจิตใจก็เริ่มเครียด และตนเองก็มาเยี่ยมบ่อย จากความสัมพันธ์ทนายลูกความ จนกลายเป็นพี่เป็นน้องกัน และกลายเป็นความน่าเวทนามาก เพราะคนๆหนึ่งถูกเอาขังไว้ การต่อสู้คดีก็ลำบากมาก และคดีนี้สู้ด้วยเอกสาร เอกสารแค่แผ่นเดียวก็ไม่สามารถชี้ให้เห็นได้ว่าใช้อะไรบ้าง และก็มองว่า ผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี
ทั้งนี้ ในฐานะที่เป็นทนายความ มองว่า ผู้ต้องหาทุกคนมีความหวังว่าจะชนะคดี แต่การขังแล้วไม่รู้จะเสร็จสิ้นเมื่อไร จะทำให้กำลังใจถดถ้อย ส่วนหวังว่าจะได้รับการประกันตัวหรือไม่นั้น นายวิฑูรย์ บอกว่า จะต้องยื่นประกัน ตามสิทธิขั้นพื้นฐาน และจะดูจังหวะเวลา เมื่อพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนส่งอัยการ การจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานก็ไม่มีแล้ว
ส่วนดีเอสไอ จะสรุปคดีทันหรือไม่ ตนเองไม่แน่ใจ เพราะตนเองได้ขอพฤติการณ์ทางคดี แต่ดีเอสไอไม่ให้ เลยไม่รู้จะไปต่อสู้คดีอย่างไร แต่ก็มั่นใจว่า พนักงานสอบสวน จะทำสำนวนเสร็จทัน 84 วัน(7ฝาก) เพื่อทันส่งอัยการอย่างแน่นอน ส่วนประเด็นเรื่องนำพยานไปให้ทางดีเอสไอสอบปากคำ 2,000 กว่าปาก และมีการคัดเลือก 30 ปาก สอบเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งทั้ง 30คน ก็ให้การลักษณะการขายของ ว่า มีการเปิดบิลซื้อสินค้ามาขายและขายได้ ขายให้ใครบ้าง สอดคล้องกันทั้งหมด มีการยื่นเอกสารการซื้อสินค้า และจำหน่ายสินค้าได้จริง ได้ไปต่างประเทศจริง ถึงแม้ว่าตนเองจะไม่พอใจ แต่ก็เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน
ส่วนจะมีการนำเงินไปชดใช้ผู้เสียหายได้หรือไม่นั้น นายวิฑูรย์ ระบุว่า ต้องดูว่าผู้เสียหายมีการใช้อำนาจทางแพ่งมาเรียกร้องความเสียหายกับทางบริษัทหรือไม่ เพราะมองว่าสามารถเจรจากันได้ แต่ต้องชี้แจงว่า ขณะนี้บริษัทไม่มีเงินหมุนเวียน เนื่องจากบัญชีถูกอายัด และทำให้พนักงานบางส่วนจ้างออกไปบางส่วนแล้ว