
ทนายธรรมราช เรียกค่าเสียหายมือตบหลักแสน แจงปมศาสนา ยันไม่มีเจตนาหมิ่น
ศาลเตรียมนัดคู่ความ พร้อม "ทนายธรรมราช" 25 พ.ย. เจ้าตัวเตรียมเรียกค่าเสียหายหหลักแสน แจงปมโพสต์ ยันไม่มีเจตนาหมิ่นศาสนา
กรณี นายธรรมราช สาระปัญญา หรือ ทนายธรรมราช ถูกนายเต้ย และนายพี ทําร้ายร่างกาย จากนั้นพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน นำตัวส่งฟ้องศาลแขวงพระนครเหนือ ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
วันนี้ ( 2 พ.ย.) ที่ สน.พหลโยธิน ทนายธรรมราช สาระปัญญา เปิดเผยต่อสื่อมวลชนผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยระบุว่า หลังจากตนเบิกความในชั้นศาล เพื่อให้ศาลได้รู้ถึงพฤติการณ์ และเจตนาของผู้ก่อเหตุ พร้อมมีการเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินหลักแสนบาท ประกอบกับผู้ต้องหาที่ 2 (นายพี) ปฎิเสธไม่ได้มีการร่วมทำร้ายร่างกายกับผู้ต้องหาที่หนึ่ง นายจารุเวศ (มือตบ) แต่อย่างใด ศาลจึงมีการพิจารณา แยกสำนวนคดีดังกล่าวออกเป็น 2 สำนวน
โดยสำนวนแรกเป็น คดีทำร้ายร่างกาย ซึ่งมีนายจารุเวศ (มือตบ) เป็นผู้ต้องหา ในความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุทำให้รับบาดเจ็บทางกายและใจ ซึ่งจำเลยให้การยอมรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา ส่วน สำนวนที่ 2 เป็นคดีของนายพี ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งในพีปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ศาลจึงนัดพร้อมคู่ความทั้งสองฝ่ายในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้
ส่วนกรณีของการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาอีก 1 คน ซึ่งคนดังกล่าว เป็นผู้ชายที่มีการถ่ายคลิปภาพเหตุการณ์ และมีการตะโกนด่าตน นอกจากนี้ชายคนดังกล่าวยังมีการโพสต์ข้อความว่า ตนดูหมิ่นศาสนาอิสลาม จึงจะต้องเข้าแจ้งความเอาผิดในข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้ากับชายคนดังกล่าว ซึ่งเดิมทีตนจะเข้าแจ้งความในวันนี้ช่วงบ่าย แต่ติดธุระสำคัญที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงขอเลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด / สำหรับคดีดูหมิ่นซึ่งหน้ามีอายุความ 3 เดือน ดังนั้นในช่วงเวลานี้จะพิจารณาวันเข้ามาคบกับทางเจ้าที่ตำรวจอีกครั้ง
นอกจากนี้ นายธรรมมราช เผยต่อว่า ในกรณีที่ตนมีการโพสต์ Facebook ในลักษณะดูหมิ่นศาสนาอิสลามนั้น ตนยืนยันว่า ไม่ได้ดูหมิ่นและไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น จึงต้องขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิด
ทั้งนี้ เมื่อช่วงสายวันที่ 2 พ.ย. พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ได้นำสำนวนสอบสวน พร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องนายจารุเวศ หรือเต้ย พงษ์ฉวี อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาคดีทำร้ายร่างกาย นายธรรมราช สาระปัญญา หรือทนายธรรมราช ผู้เสียหาย ข้อหา ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้อื่นนั้นตามป.อาญา ม. 295 ระหว่างที่นายธรรมราช แถลงข่าวดำเนินคดี"อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม "ข้อหาเหยียดหยามศาสนา ตามป.อาญา ม. 206 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.) เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ให้พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวง1 พิจารณา ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ
ต่อมาเวลา 11.32 น. พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวง 1 พิจารณาสำนวนแล้วได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจารุเวศ เป็นจำเลยต่อศาลแขวงพระนครเหนือ ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ
ขณะเดียวกันนายธรรมราช ผู้เสียหายเดินทางมาศาล พร้อมกับยื่นคำร้องขอเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 44/1ให้จำเลย ยื่นภายใน 15 วัน
ศาลสอบจำเลยเรื่องทนายความแล้ว จำเลยแถลงว่า จำเลยมี ทนายความและแต่งทนายความเข้ามาแล้ว ปรากฏตามใบแต่งทนายความของจำเลยลงวันที่วันนี้
จากนั้นศาลอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังอีกครั้งหนึ่ง หลังจากจำเลยแต่งทนายความเข้ามาแล้ว และอธิบายคำร้องค่าเสียหายที่ผู้เสียหายได้ยื่นเข้ามาให้จำเลยฟัง จำเลยขอให้การรับสารภาพใน ส่วนคดีอาญา ปรากฏตามคำให้การจำเลยฉบับลงวันที่วันนี้ รับเป็นคำให้การของจำเลย ส่วนค่าสินไหมทดแทนนั้น จำเลยประสงค์จะยื่นคำให้การต่อสู้คดี จึงเห็นควรให้จำเลยยื่น คำให้การต่อสู้คดีภายใน 15 วันนับแต่วันนี้ หากไม่ยื่นภายในกำหนดถือว่าไม่ติดใจ
ส่วนคดีอาญา พนักงานอัยการโจทก์ และจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน แต่เนื่องจากยังมี เรื่องค่าสินไหมทดแทนในส่วนแพ่ง และจำเลยยังไม่ได้ยื่นคำให้การต่อศาล และจำเลยเพิ่งได้รับคำร้องเรียก ค่าสินไหมทดแทนในวันนี้ จึงเห็นควรให้โอกาสจำเลยยื่นคำให้การต่อศาลภายใน 15วัน จึงให้เลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อสอบคู่ความในส่วนของพยานหลักฐานที่จะนำมาสืบในเรื่องค่าเสียหายอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 25 พ.ย. เวลา 09.00 น.
ส่วนความผิดทางอาญานั้น ไว้รอมีคำพิพากษาพร้อมกัน และเห็นควรให้หมายขังจำเลยไว้ในระหว่างพิจารณา
ทั้งนี้ จำเลยได้ยื่นคำร้องขอประกันตัว ผู้เสียหายยื่นคัดค้านการประกันตัว ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้จำเลยได้ประกันตัวไประหว่างพิจารณา