ทนายกุ้ง ร้องสอบพฤติกรรม "ท่าน ว.วชิรเมธี" ชักชวนลูกข่ายลงทุน แฉรับเงินล้าน | คมชัดลึก

18 ต.ค. 2567 เวลา 14.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม น.ส.อำนวยพร มณีวรรณ์ หรือ ทนายกุ้ง เดินทางมาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม กรณีพระเมธีวชิโรดม หรือ พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี มีพฤติกรรมสนับสนุนการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนในคดี ดิไอคอน กรุ๊ป

ทนายกุ้ง กล่าวว่า วันนี้ตนนำหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอความยาวกว่า 1 ชั่วโมง เอกสาร ภาพถ่ายที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวมายื่นหนังสือกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ตรวจสอบดำเนินคดีกับท่าน ว.วชิรเมธี ในความผิดตามมาตรา 86 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด แม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม ผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น 

สืบเนื่องจากมีคลิปวิดีโอไวรัลในโลกโซเชียลที่ท่านว.วชิรเมธี ชักชวนตัวแทนของ ดิไอคอน กรุ๊ป จำนวนกว่าพันคน พร้อมตัดคลิปบางช่วงมาเผยแพร่ ซึ่งมีเนื้อหาบางส่วนที่ทำให้ลูกข่าย ดิไอคอน กรุ๊ป ตัดสินใจลงทุนกับบริษัท ถือเป็นการกระทำที่เข้าข่ายสนับสนุนการกระทำความผิด ฐานฉ้อโกงประชาชนมาตรา 343 

ส่วนการเทศน์ดังกล่าวจะมีเจตนาชักจูงผู้อื่นให้ลงทุนหรือไม่นั้น ถือเป็นหน้าที่ของ ท่าน ว.วชิรเมธี ที่จะต้องชี้แจงกับตำรวจ รวมทั้งพนักงานสอบสวนและสำนักสงฆ์ในการตรวจสอบ แต่ส่วนตัวตนเชื่อว่าน่าจะมีผู้เสียหายตัดสินใจลงทุนเพราะฟังคลิปของท่าน ว.วชิรเมธีด้วย

นอกจากนี้ยังมีการแสดงทัศนคติด้วยถ้อยคำรุนแรง ซึ่งไม่เหมาะสมกับการเป็นสมณะชั้นผู้ใหญ่ ส่วนจะมีพระรูปอื่นเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้นต้องดูพยานหลักฐานอื่นๆเพิ่มเติมจากผู้เสียหายที่จะเข้ามาร้องทุกข์เพิ่มเติมก่อน

สำหรับเงินทำบุญที่ ดิไอคอน กรุ๊ป ถวายให้กับท่าน ว.วชิรเมธี เบื้องต้นตนมีหลักฐานยืนยันว่า เป็นจำนวนเงินหนึ่งล้านบาท ซึ่งท่าน ว.วชิรเมธี เคยพูดว่า รับเงินจากบริษัททุกปี ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบว่า เงินทำบุญดังกล่าวมาจากการกระทำความผิดก็ต้องมีการยึดอายัดทรัพย์ไว้ก่อน รวมทั้งหากตรวจสอบแล้วพบว่า มีการรับเงินในลักษณะเดียวกันกับบอสดาราก็จะต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาเดียวกันด้วย 

สำหรับการร้องทุกข์กล่าวโทษในวันนี้นั้น ตนมาร้องพนักงานสอบสวนให้ตรวจสอบในความผิดตาม มาตรา 86  ซึ่งเป็นการสนับสนุนการกระทำผิดตามมาตรา 343 เท่านั้น ส่วนจะเข้ามาตรา 87 พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ และมาตราอื่นๆ อีกหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน