
ล้อมจับ "แก๊งโจร" ทุบกำแพงขโมยทรัพย์สินกว่า 10 ล้าน อ้างมี ร.ต.อ. สั่งการ
เจ้าหน้าที่ล้อมจับ "แก๊งโจร" ทุบกำแพง ขโมยรถบดสั่นสะเทือน-ยกหม้อแปลง เกือบ 10 ล้านขายเศษเหล็ก สารภาพมี "ร.ต.อ." สั่งการ เบื้องต้นพบเป็นตำรวจจริง
หลังจากเมื่อวานนี้ (10 ต.ค. 2567) พ.ต.ท.ศุภวัฒน์ ลัทธปรีชา รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.กรณ์พงษ์ สุขวิสิฏฐ์ ได้รับการประสานจากเจ้าของโรงงานว่า มีกลุ่มคนร้ายประมาณ 4-5 คน ก่อเหตุลักทรัพย์และทำลายทรัพย์สินโรงงานจนได้รับความเสียหาย 10 ล้านบาท
ล่าสุดวันนี้ 11 ต.ค. 2567 พ.ต.ท.ศุภวัฒน์ ลัทธปรีชา รอง ผกก.ป. และ ปฏิบัติราชการแทนผู้กำกับการ สภ.บางละมุง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 20 นาย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย พร้อมกับเจ้าของโรงงาน
โดยพบว่าโรงงานดังกล่าว เป็นโรงงานรับซื้อของเก่าและรีไซเคิล มีเนื้อที่ประมาณ 200 ไร่ ตรวจสอบบริเวณด้านหลังโรงงาน พบซากรถ 10 ล้อ , รถแบ็คโฮ รถยนต์ , รถเครื่องจักร ( jcb ขุดหน้าตักหลัง ) จอดเรียงรายหลาย 10 คัน ซึ่งรถทั้งหมดส่วนใหญ่ เป็นรถที่รอการซ่อมบำรุง รถแต่ละคัน ถูกตัดเพลา ยกหม้อน้ำ ตัดถังน้ำมัน จนหมดเกือบทุกคัน
นอกจากนี้ยังพบว่า มีร่องรอยการตัดเหล็ก บริเวณด้านหน้ารถเจซีบี (รถขุดหน้าตักหลัง) ได้รับความเสียหายและบริเวณเสาไฟข้างโรงงาน ซึ่งติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่ถูกคนร้ายตัดสายไฟและยกหม้อแปลง ขนาด 250 กิโลโวลต์ หายไป
อีกทั้งยังพบว่า กำแพงของโรงงานสูงเกือบ 5 เมตร ถูกคนร้าย ทุบกำแพงเปิดช่อง เพื่อเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ ทั้งแผง 1 ช่อง และทุบเป็นช่องรูขนาดคนมุดเข้าไปได้ จำนวน 2 ช่อง
น.ส.นก (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี หัวหน้าคนงาน ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ก่อนหน้านี้โรงงานถูกคนร้ายเข้ามาขโมยของบ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้หนักหนาสาหัสกว่าทุกครั้ง เพราะคนร้ายก่อเหตุ มีการทุบกำแพง แล้วเข้ามาขนรถบดสะเทือน ยี่ห้อเจซีบี มูลค่า 3 ล้านบาท หม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่ อะไหล่เครื่องจักร และอะไหล่รถบรรทุก 10 ล้อ รวมถึงท่อนเหล็กน้ำหนักหลาย 10 ตัน ได้หายไป รวมมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท
ทางเจ้าของโรงงานจึงให้ตนเองและพนักงานมาเฝ้าดู จนกระทั่งพบว่า กลุ่มคนร้ายได้ย้อนกลับมาขนของอีกครั้ง จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมดังกล่าว ส่วนรถบดและหม้อแปลงที่ถูกขนย้ายไปก่อนหน้านี้ เชื่อว่าต้องใช้คนจำนวนมาก รวมถึงรถที่มาขนย้ายต้องเป็นรถเครน มาขนไปและเชื่อว่าต้องทำเป็นขบวนการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างลงพื้นที่ปรากฏมีรถกระบะต้องสงสัย 2 คัน ขับเข้ามาภายในไร่มันสำปะหลัง คันแรกเป็นกระบะ สี่ประตู สีดำ คันที่ 2 เป็นรถกระบะ แค๊ป สีดำ บรรทุก ถังแก๊ซ ที่ใช้ในการตัดเหล็กมาเต็มคันรถ
ทีมข่าวพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เดินเข้าไปสอบถาม แต่ปรากฏว่า รถคันแรกคนขับรถได้เปิดประตูลงมา แสดงตัวเป็นเจ้าของไร่มันละทำการต่อว่าผู้สื่อข่าวและตำรวจว่า มาทำให้ไร่มันสำปะหลังเสียหาย
ส่วนรถอีกคันที่ตามหลังมาได้จอดรถ แล้วมีชายฉกรรจ์ 4-5 คน ลงมาจากรถและมีท่าทีตกใจเมื่อเห็นตำรวจ พร้อมทั้งบอกว่า ขับตามรถคันแรกมา เพราะได้รับว่าจ้างให้มาตัดเหล็กเครื่องจักรขนาดใหญ่ โดยเดินทางมาจาก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พร้อมยืนยันว่า รถคันแรกเป็นคนขับนำทางมายังสถานที่ดังกล่าว ก่อนจะถูกตำรวจจับเข้าตรวจสอบ
ตำรวจมีการกดดันคนขับรถคันแรก ทราบชื่อว่า นายเตี้ย (นามสมมุติ) อายุ 51 ปี เป็นช่างขุดเจาะบาดาล ก่อนที่เจ้าตัวจะยอมรับว่า ได้รับคำสั่งให้พาทีมผู้รับเหมาตัดเหล็กเข้ามาตัดของเก่าในพื้นที่ดังกล่าว โดยก่อนหน้าช่วง 9.00 น. ยังสามารถติดต่อคนสั่งงานได้อยู่ แต่พอมาถึงโรงงานที่นัดหมาย กลับติดต่อปลายสายไม่ได้ พยายามโทรเป็น 10 สาย ก็ไม่ยอมรับสายอีกเลย
โดยปลายสายรายนี้รู้เพียงว่า เป็นตำรวจยศผู้กอง อีกทั้งยืนยันว่า ตนเองทำตามคำสั่งเท่านั้น เบื้องต้นตำรวจจึงเชิญตัวทั้งหมดไปทำการสอบสวนที่ สภ.บางละมุง และจะกันไว้เป็นพยานจากการตรวจสอบในเบื้องต้น ตามที่มีการกล่าวอ้างว่า ระดับสั่งการเป็นตำรวจ ยศ "ร้อยตำรวจเอก" พบว่าเป็นตำรวจจริง ในพื้นที่ อ.สัตหับ จ.ชลบุรี ขณะนี้อยู่ในระหว่างสืบสวนขยายผล
นอกจากนี้กลุ่มแก๊งดังกล่าวที่จับกุมได้ เชื่อว่า เคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้งและมีนายตำรวจรายนี้อยู่เบื้องต้น ระดับสั่งการ และจะเลือกลงมือก่อเหตุกับโรงงานร้าง ที่มีเครื่องจักรขนาดใหญ่ ซึ่งตำรวจจะเร่งสืบสวนสอบสวน หาจุดเพิ่มเติม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป