ข่าว

“เจ๊นุช” วอนสังคมให้โอกาส อย่าเพิ่งด่วนสรุป รับเครียดจนคิดฆ่าตัวตาย

“เจ๊นุช” วอนสังคมให้โอกาส อย่าเพิ่งด่วนสรุป รับเครียดจนคิดฆ่าตัวตาย

10 ต.ค. 2567

“เจ๊นุช บางเตย” วอนสังคมให้โอกาส อย่าเพิ่งด่วนสรุป ยอมรับเครียดจนเกือบฆ่าตัวตาย ยันสนิทแม่ตั๊กแค่เรื่องงาน ตอบปมมีทรัพย์สิน 200 ล้านจริงหรือ?

10 ต.ค. 2567 เวลา 13.30 น. จากกรณีที่ นางสาวณปภัช เขจรรักษ์ หรือ เจ๊นุช บางเตย  เดินทางเข้าพบตำรวจปคบ. ตามหมายเรียกครั้งที่ 1 เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา หลังพบเจ้าตัวไปปรากฏอยู่บนไลฟ์สด ของแม่ตั๊ก และป๋าเบียร์  ผู้ต้องหาในคดีขายทองออนไลน์  และเคยได้รับทรัพย์สินจากผู้ต้องหาทั้งทองคำ และรถยนต์หรู

 

 

“เจ๊นุช” วอนสังคมให้โอกาส อย่าเพิ่งด่วนสรุป รับเครียดจนคิดฆ่าตัวตาย

 

 

 

ต่อมาเวลา 18.30 น. ภายหลังเสร็จสิ้นการให้ปากคำกับทางพนักงานสอบสวน เจ๊นุช บางเตย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่า ยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่ได้หนีไปไหน อยู่บ้านตลอด แต่เป็นบ้านหลังใหม่ อีกทั้งนับจากเกิดเรื่องก็ได้ให้ทนายความคอยประสานกับทางตำรวจ ปคบ. มาโดยตลอด ไม่ได้นิ่งนอนใจ และไม่ได้เป็นกังวลแต่อย่างใดเพราะบริสุทธิ์ใจจริง

 

 

“ทั้งนี้อยากขอทุกคนให้โอกาส อย่าเพิ่งมองว่าเป็นคนผิด วันนี้ตนนำหลักฐานมามอบให้กับตำรวจเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง และแสดงความบริสุทธิ์ใจหมดแล้ว ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายทองของแม่ตั๊ก ส่วนเรื่องที่มีการแชร์ข้อมูลว่าตนมีทรัพย์สินกว่า 200 ล้านบาท นั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งในส่วนนี้ตนก็ได้ชี้แจงให้กับเจ้าหน้าที่ไปหมดแล้วเช่นกัน ว่าทรัพย์สินของตนมีอะไรบ้าง ส่วนเรื่องทางคดี ขอไม่พูดถึง ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจเป็นคนให้ข้อมูล”

“เจ๊นุช” วอนสังคมให้โอกาส อย่าเพิ่งด่วนสรุป รับเครียดจนคิดฆ่าตัวตาย

เจ๊นุช บางเตย  กล่าวอีกว่า ยอมรับว่ารู้จักกับแม่ตั๊กมาตั้งแต่ปี 2561 เพราะเป็นเอฟซี และ เป็นเพื่อนกันในเฟซบุ๊ก ก่อนที่ต่อมาเขาจะติดต่อให้มาช่วยไลฟ์ขายกางเกงในเก็บพุง ส่วนเรื่องระดับความสัมพันธ์ ยืนยันว่าสนิทกับแม่ตั๊กแค่เฉพาะเรื่องงาน เพราะเป็นคู่ค้า เคยซื้อโปรตีน โกโก้ ของเขามาขาย ไม่มีค่าคอมมิชชั่นใดๆ เป็นพิเศษ

 

 

 

ส่วนเรื่องคอนเทนต์ช่วยเหลือคน ยืนยันว่าทำเพราะอยากสร้างแรงบันดาลใจพ่อค้าแม่ค้า เนื่องจากเคยลำบากมาก่อน หลังจากนี้จะไม่ทำคอนเทนต์ลักษณะนี้อีก แต่ก็อยากให้เข้าใจวัตถุประสงค์ของตนด้วย

“เจ๊นุช” วอนสังคมให้โอกาส อย่าเพิ่งด่วนสรุป รับเครียดจนคิดฆ่าตัวตาย

“ยอมรับว่าหลังเกิดเรื่อง ยังมีติดต่อกับเมียหรั่งอยู่บ้าง เรื่องการเข้าพบตำรวจ และเรื่องสถานที่ ที่จะมาพบตำรวจ ขณะที่ในส่วนของแม่ตั๊ก หลังเกิดเรื่องไม่ได้ติดต่อกัน และ ไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์รถหรูหรือนาฬิกาหรูของแม่ตั๊ก ส่วนเรื่องที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในวันนี้ ขอชี้แจงว่าไม่ใช่คดีขายทองแม่ตั๊ก เป็นคนละคดีไม่เกี่ยวกัน และคดีทองแม่ตั๊ก ตนมาให้ปากคำตำรวจในฐานะพยานเพียงเท่านั้น”

 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า เคยซื้อทองร้านแม่ตั๊กหรือไม่ น.ส.ณปภัช ยอมรับว่า เคยซื้อ เป็นสร้อยข้อมือทองน้ำหนัก 10 บาท ขายร้านทองได้ตามปกติ เช่นเดียวกับปี่เซี๊ยะ ตนก็เคยซื้อมาในราคา 80,000 บาท ตอนขายก็ขายร้านทองได้จริง อาจจะราคาลดลงเหลือ 4 หมื่น แต่ไม่ได้คิดอะไร เพราะเรานับถือตั้งใจซื้อมาเพื่อบูชา ไม่ได้เน้นกำไร แต่ที่ต้องขายเพราะช่วงนั้นขาดสภาพคล่อง

 

เมื่อถามว่ายังรักแม่ตั๊กอยู่หรือไม่ ยืนยันว่ายังรักอยู่ แต่ก็อยากให้สังคมแยกแยะ ทุกวันนี้ตนเหมือนฆาตกร ลูกของตนไปโรงเรียนก็ได้รับผลกระทบ อยากให้สงสารเด็ก หลังเกิดเรื่องตนเองก็ยอมรับว่าเครียดจนคิดอยากฆ่าตัวตาย ขณะที่สามีตนก็ได้รับผลกระทบจากความเครียดเช่นเดียวกัน เพราะป่วยเป็นซึมเศร้า จึงอยากขอโอกาสให้ เจ๊นุช บางเตย  ได้พิสูจน์ตัวเองก่อน ไม่อยากให้ด่วนสรุป

 

 

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า แม่ตั๊ก เคยซื้อของให้หรือไม่?

เจ๊นุช บางเตย  ยอมรับว่าเคยเป็นกระเป๋าดิออร์ซื้อให้เมื่อปี 2565 ราคา 180,000 บาท ส่วนปี 2566 แม่ตั๊กให้กำไรคาร์เทียร์ แต่หากจะให้บอกว่าแม่ตั๊กนำเงินจำนวนมากมาจากไหน ไม่ทราบจริงๆ รู้แต่ว่าเขาเป็นคนขยัน เลยไม่ได้คิดหรือสงสัยอะไร ทั้งนี้ยืนยันว่า รถหรือทรัพย์สินอื่นๆ ที่ตนมีอยู่ทุกวันนี้ซื้อเองทั้งหมด