โบ้ยประตูฉุกเฉินหนัก จนครูเปิดไม่ออก ต้นเหตุรถบัสไฟไหม้คลอกครูและนักเรียน | คมชัดลึก

2 ต.ค. 2567 จากเหตุโศกนาฏกรรม ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี เป็นเหตุให้มีนักเรียนและครูในรถเสียชีวิต 23 ราย และ บาดเจ็บหลายราย เหตุเกิดบนถนนวิภาวดีรังสิต ตรงข้ามพหลโยธิน 72 บริเวณอนุสรณ์สถาน เข้าเข้า กทม. ท้องที่ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. ที่ผ่านมา

ล่าสุดเมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 1 ต.ค. 2567 นายอรรถพล หรือทนายเติ้ล ทนายความนำผู้ประกอบการบริษัทรถทัวร์ที่เกิดเหตุ เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.คูคต จ.ปทุมธานี โดยทนายความให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่า รู้จักกับตัวแทนผู้ประกอบการ ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหตุการณ์วันนี้ไม่มีใครอยากให้เกิด เพราะสร้างความสูญเสียให้เกิดกับเยาวชนของประเทศไทย ตนเองได้นำตัวผู้ประกอบการมาพบกับพนังกานสอบสวน ทางผู้ประกอบการได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับรถและผู้ขับขี่กับพนักานสอบสวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยผู้ประกอบการรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง และพร้อมที่จะดูแลเยียวยาและยอมรับผิดในส่วนของทางแพ่ง และพาณิชย์

สำหรับตัวรถมีการตรวจสอบตามระบบขนส่งตลอด การจดแจ้งทะเบียนต่างๆครบถ้วน ได้มีการการแจ้งต่อนายทะเบียนทุกครั้ง ในส่วนของการติดตั้งก๊าซมีการติดตั้งตามระบบวิศวกรรมของขนส่งตลอด สำหรับตัวรถมีการตรวจสภาพตลอดตามภาษีประจำปี และประตูฉุกเฉินจากการที่ได้รับทราบจากผู้ประกอบการ ได้รับการตรวจสอบตามปกติ แต่ ประตูฉุกเฉินมีน้ำหนักมาก ตัวเด็กและครูอาจจะใช้แรงไม่เพียงพอ ก่อนจะเดินทางขึ้นไปพบพนักงานสอบสวน

เวลา 09.00 น. วันที่ 2 ต.ค. 2567  ที่อนุสรณ์สถาน ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำรถบัสที่ร่วมคณะทัศนศึกษามาด้วยอีก 2 คัน มาจอด เพื่อตรวจพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งต้องมีการตรวจร่วมกันของเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่พลังงาน เจ้าหน้าที่ขนส่งทางบก และอีกหลายภาคส่วน

เนื่องจากรถคันที่เกิดเพลิงไหม้นั้น มีการติดตั้งถังก๊าซซีเอ็นจี (เอ็นจีวี) จำนวนมาก และมีการดัดแปลงสภาพรถ ซึ่งต้องมีการเก็บหลักฐานอย่างละเอียด ทางเจ้าหน้าที่ทหารของอนุสรณ์สถาน ได้มีการปิดประตูทางเข้าชั่วคราว พร้อมทั้งไล่สื่อมวลชนที่เดินทางไปบันทึกภาพทำข่าว ว่าไม่ให้ถ่ายทำ เพราะเป็นเขตพื้นที่ของทหาร

นอกจากนี้ ยังพบว่าบริเวณจุดเกิดเหตุ มีประชาชนหรืออาจจะเป็นญาติของนักเรียน ได้มีการนำดอกไม้ ขนม นม น้ำหวาน มาวางตามจุดต่างๆ ทั้งบริเวณจุดเกิดเหตุบนถนนวิภาวดีรังสิต และฟุตปาทหน้าอนุสรณ์สถาน ซึ่งเป็นภาพที่น่าเศร้าใจ