จ่ายไป 1 ล้านแต่หน้าเบี้ยว ทันตแพทย์หญิงแจ้งความคลินิกดัง ย่านสยาม
จ่ายไป 1 ล้าน ฉีดฟิลเลอร์จนหน้าเบี้ยว ทันตแพทย์หญิงแจ้งความคลินิกดัง ย่านสยาม พบนายแพทย์อวดอ้างได้รับรางวัลมากมาย แต่ความจริงสภาการแพทย์ยังไม่รับรองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ
1 ต.ค. 2567 เวลา 10.30 น. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตึกหน้า ถนนพหลโยธิน จอมพล จตุจักร กทม. จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ อดีต สห.ทอ. พร้อมด้วย ทนายเจส นายณัฐปกรณ์ สุดชา พาผู้เสียหาย เป็นทันตแพทย์หญิง พร้อมแม่และพี่สาว เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. เพื่อแจ้งความ กรณีนายแพทย์ เจ้าของคลินิกดัง ย่านสยาม ฉีดหน้าด้วยยาเกินขนาด ที่ตกลงไว้และเกินขนาดที่ร่างกายจะรับได้ เป็นเหตุให้ใบหน้าเบี้ยว โดย ทั้ง 3 คนเกิดอาการใบหน้าบิดเบี้ยว บวม และอักเสบ
โดยนายแพทย์ คนดังกล่าว ได้อวดอ้างว่า ตนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีดหน้า ฉีดสารเติมเต็มใบหน้า ได้รับรางวัลมากมาย ผู้เสียหายทุกคนจึงหลงเชื่อ แต่ผู้เสียหายมาทราบภายหลังว่า นายแพทย์คนดังกล่าวไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ที่สภาการแพทย์รับรองแต่อย่างใด
และหลังจากที่มีการฉีดหน้าเกินขนาดแล้วมีการเรียกเก็บเงินผู้เสียหาย 1,020,000 บาท ซึ่งผู้เสียหายก็จ่ายไปครบถ้วน หลังจากที่ผู้เสียหายทั้ง 3 คน ใบหน้าบิดเบี้ยวก็ได้ไปถามสาเหตุ และต้องการให้นายแพทย์คนดังกล่าวรับผิดชอบ แต่นายแพทย์ไม่มีการรับผิดชอบแต่อย่างใด พร้อมทั้งอ้างว่ารู้จักคนใหญ่โตในกระทรวงสาธารณสุข ผู้เสียหายไม่สามารถทำอะไรตนได้ และผู้เสียหายมาทราบภายหลังว่านายแพทย์คนดังกล่าว ทำพฤติกรรมแบบนี้มาหลายเคสแล้ว และมีผู้เสียหายที่ได้รับความเสียหายมากกว่า 10 คน แต่ก็ไม่มีใครเอาผิดนายแพทย์คนนี้ได้ ผู้เสียหายรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างมาก
จึงมาขอความช่วยเหลือจาก จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ พร้อมด้วยทนายเจส ได้พาผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ บก.ปคบ. เพื่อดำเนินคดีต่อไป
ทันตแพทย์หญิงสมสกุล (นามสมมุติ) อายุ 42 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนพร้อมพี่สาวและคุณแม่ฉีดฟิลเลอร์ ที่คลินิกแห่งหนึ่งย่านสยาม 1 ฉีด 3 คนรวมแล้ว 80 หลอด คุณแม่ตกลง 30 หลอดแต่ฉีดไป 37 หลอด จนแม่บอกให้พอ เพราะเจ็บมาก ตนตกลงไว้ 15 หลอด แต่หมอฉีดเพิ่มเข้าไปอีก 7 หลอด รวมเป็น 22 หลอด ส่วนพี่สาวตกลงฉีด 21 หลอด แต่หมอฉีดอัดเพิ่มไปอีก 7 หลอดรวมเป็น 28 หลอด ก่อนโดนเรียกเก็บเงินไปรวม 1 ล้านเศษ
หลังจากทำผ่านไป 1 เดือนปรากฎว่าใบหน้าผิดรูป บิดเบี้ยว หน้าไม่เท่ากัน สร้างความเสียหายแก่สภาพจิตใจและร่ายกายเป็นอย่างมากทั้งครอบครัว เพราะมีผลต่อหน้าที่การงาน จนไม่สามารถออกไปปะผู้คนหรือคนไข้
หลังเกิดเหตุตนได้ไปตรวจสอบพบว่า แพทย์คนที่ทำการรักษานั้นไม่ใช่ แพทย์ด้านผิวหนัง ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญตามที่แอบอ้างไว้ในเว็บไซต์ของคลินิก ว่า เขาเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ฟื้นฟูชะลอวัย สร้างความเข้าใจผิดให้ตนและครอบครัว หลงเชื่อไปรักษาที่คลินิกแห่งนี้ จนเกิดความเสียหายแก่ใบหน้า ร่างกายและจิตใจ ทำให้ตนต้องไปรักษากับอาจารย์แพทย์คลินิกเอกชนอื่น ขณะนี้เสียค่าใช้จ่ายไปอีกหลักหมื่นบาท ยังไม่รู้ว่าใบหน้าจะกลับเป็นปกติเมื่อใด
ฝากไปถึงหน่ายงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงคือแพทยสภา ทราบมาว่ามีผู้เสียหายที่ไปรักษากับคลินิกแห่งนี้ได้ร้องเรียนตัวหมอและคลินิกแห่งนี้จำนวนมาก แต่เรื่องกลับเงียบไม่มีการดำเนินการใดๆ
รวมทั้ง สคบ. มีการไปร้องเรียนหมอและคลินิกนี้จำนวนมาก แต่ทำไมแพทย์รายนี้ยังคงประกอบวิชาชีพแห่งนี้ได้อยู่ปกติ โกยรายได้ปีหนึ่งๆหลายล้านบาท แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปล่อยให้แพทย์รายนี้ออกมาหลอกลวงผู้บริโภคอยู่ ตนฝากร้องเรียนไปถึงท่าน รมว.สาธารณสุข ให้ช่วยลงมาดูแลในเรื่องนี้ด้วย
ด้านทนายเจส กล่าวว่า พาคุณหมอท่านนี้มาร้อง ปคบ.หลังเข้าไปใช้บริการคลินิกชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยผู้เสียหายดูจากรีวิวเห็นแพทย์คลินิกแห่งนี้แอบอ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญ เมื่อทำแล้วไม่ตรงกับที่คุยกันไว้ โดสที่ทำการฉีดใบหน้ามีจำนวนมากกว่าที่แจ้งไว้แต่แรก ฉีดเพิ่มโดยไม่แจ้งคนไข้ก่อน แล้วมาเรียกเก็บเงินเพิ่มภายหลัง มีหลักฐานการโอนเงินหลักล้านบาท ที่นำมาให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบด้วย ผลที่ได้หลังจากฉีด ทำให้ใบหน้าบิดเบี้ยวทั้งสามคน เมื่อไปติดต่อให้เยียวยาก็รับปากแต่ไม่ทำ ไม่มีค่าใช้จ่ายคืนแต่อย่างใด ทราบว่ามีผู้ใช้บริการร้องเรียนคลินิกแห่งนี้จำนวนมาก ถ้าต้องการให้เพจจ่าคิงส์ช่วยก็ติดต่อมาได้ จะได้เอาหมอรายนี้มาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. รับแจ้งความไว้เพื่อทำการตรวจสอบดำเนินการตามกฎหมายต่อไป