
ตำรวจไซเบอร์ จับ 3 บัญชีม้า ต้นตอทำเหยื่อคิดสั้น กระโดดเจ้าพระยา
ตำรวจไซเบอร์ จับ 3 บัญชีม้า รับสแกนหน้าถอนเงินเหยื่อ ที่หลอกมาได้ จนหมดตัว เหยื่อเครียดกระโดดเรือข้ามฟาก จมเจ้าพระยา
29 ก.ย.2567 ตำรวจไซเบอร์ กก.3 บก.สอท.2 นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.ซันมา อายุ 19 ปี ชาวจ.สมุทรปราการ , นายอุทัย อายุ 44 ปี ชาว จ.สระแก้ว และนายมาณพ อายุ 59 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 930,932,933/2567 ในความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน"
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2567 ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี เข้าตรวจสอบเหตุ น.ส.สุดารัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ชาว จ.นครพนม กระโดดลงจากเรือข้ามฟาก ขณะเรือแล่นข้ามฟากจากด้านท่าน้ำนนทบุรี ไปยังท่าน้ำฝั่งบางศรีเมือง จมดิ่งกลางแม่น้ำเจ้าพระยาเสียชีวิต
ทั้งนี้ จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายเกิดความเครียดที่เข้าไปสมัครทำงานกดไลน์เพื่อหารายได้เสริม แล้วถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ลงทุน ก่อนใช้อุบายหลอกให้โอนเงินในช่วงวันที่ 5 -6 ก.ย. 67 รวม 8 ครั้ง จนหมดเกลี้ยงบัญชีกว่า 338,000 บาท โดยยอดเงินที่สูญเสียไปทั้งหมด เตรียมไว้ไปไถ่ถอนโฉนดที่ดินที่จำนองไว้ กระทั่งในช่วงเย็นของวันเดียวกันได้ตัดสินใจจบชีพต้วเอง
ต่อมาชุดสืบสวน กก.3 บก.สอท.2 ได้ทำการสืบสวนจนทราบผู้ที่เกี่ยวข้องในขบวนการหลอกลวงในเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุญาติศาลจังหวัดนนทบุรี ออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องรวม 5 ราย จับกุมได้แล้ว 3 ราย อยู่ระหว่างการติดตามตัว อีก 2 ราย
พ.ต.อ.ปกรณ์กิตติ์ ธนวรินทร์กุล ผกก.3 บก.สอท.2 กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหาที่อยู่ในขบวนการทั้ง 5 ราย มีการเปิดเป็นบัญชีธนาคารแบบปกติ และเปิดเป็นบัญชีประเภทสินทรัพย์ดิจิทัล โดยพบว่าผู้เสียชีวิตโอนเงินบาทไปยังบัญชีคนร้าย และมีการโอนเงินต่อไปยังบัญชีแถวที่ 2 เป็นบัญชีประเภทไฮบริด คือเป็นบัญชีเงินฝากธรรมดา และบัญชีเงินฝากสินทรัพย์ประเภทสินทรัพย์ดิจิทัล ในประเทศไทยและนอกประเทศไทย
โดยบัญชีประเภทนี้ จะเปลี่ยนจากเงิน Fiat (เงินสกุลตามท้องถิ่นนั้นๆ) เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเงิน Fiat มิใช่เงินที่แลกเปลี่ยนในสินทรัพย์ดิจิทัล บัญชีม้าประเภทนี้ไฮบริด มักจะเปิดสินทรัพย์ไว้หลายศูนย์ เพื่อหลีกเลี่ยงการอายัดเงิน ของเจ้าหน้าที่ศูนย์รับแจ้งความ 1441
อีกทั้งสามารถเปลี่ยนเงินและยังใช้เงินของผู้เสียหายได้อยู่ ถึงแม้บัญชีเงินฝากของคนร้ายคนนั้นจะโดนอายัด มีข้อสังเกต คือ ผู้ใช้ที่ผูกไว้กับไว้กับศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของคนร้ายยังคงใช้ได้อยู่ แม้จะถูกอายัด คนร้ายอาจเข้าวอลเล็ตคนอื่น นำสินทรัพย์ โอนไปยังบัญชีเงินฝากที่ไม่ได้ถูกอายัดเงิน
ถึงแม้ธนาคารแห่งแห่งประเทศไทย ออกข้อกำหนดการโอนเงินเกิน 50,000 บาทต่อครั้งหรือการโอนเงินเกิน 200,000 บาทต่อวัน จะต้องทำการสแกนใบหน้า ซึ่งแตกต่างกับสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ได้บังคับให้สแกนใบหน้า และจะมีกี่ธุรกรรมก็ได้ จึงทำให้ยากต่อการติดตาม
ทั้งนี้ หากการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลกำหนดให้มีการสแกนใบหน้า จะช่วยป้องกันการถูกหลอกเป็นเหยื่อได้ อีกทั้งการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตอล เป็นโลกไร้พรหมแดนเจอกันได้ทั่วโลก นี่คือสิ่งที่อันตราย และประกอบกับ พ.ร.ก.ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จึงควรมีการแก้ไข มาตรา 3 นิยาม "ผู้ประกอบธุรกิจปัจจุบัน" มีแค่สถาบันการเงินและบริษัทรับชำระเงิน อาจมีปัญหาว่าสามารถอายัดได้หรือไม่ ควรใช้ ป.อาญามาตรา 33(2) ปัญหาคือยังไม่มีกฎหมายรับรองเช่น ฝ่ายกฎหมาย บลจ. ติดต่อกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะไม่มี Banki เพราะไม่ใช่ธุรกิจภายใต้ พ.ร.ก.ฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจับกุมนายธีรยุทธ (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี สามีผู้เสียชีวิตและญาติ ได้ถือภาพถ่ายน.ส.สุดารัตน์ อายุ 28 ปี เดินทางมาขอบคุณตำรวจไซเบอร์ ที่ช่วยกันติดตามตัวคนร้ายมาได้อย่างรวดเร็ว เพราะที่ผ่านมาครอบครัวสภาพจิตใจแย่มาก



