ข่าว

สองสาวแสบ หลอกขายทองปลอม ใช้ตะขอ-ข้อต่อทองแท้ตบตาร้านทอง

สองสาวแสบ หลอกขายทองปลอม ใช้ตะขอ-ข้อต่อทองแท้ตบตาร้านทอง

27 ก.ย. 2567

รวบสอบสาวแสบ หลอกจำนำทองปลอมแยบยล โดยใช้ตะขอ-ข้อต่อทองแท้ ตบตาร้านทอง ไม่ให้จับได้ว่าเป็นทองปลอม พบหมายจับเพียบ

27 ก.ย. 2567 สืบนครบาล นำโดย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วิชิต  ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1ฯ , พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สว.กก.สส.1ฯ พร้อมชุดปฎิบัติการที่ 2 จับกุมสองสาว ประกอบด้วย น.ส.ชนิดตา อายุ 39 ปี ชาวกทม. พบคดีติดตัว 6 หมายจับ คดีฉ้อโกงทรัพย์ และร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ ในพื้นที่ กรุงเทพ สมุทรสาคร ชลบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี โดยจับกุมได้ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ลาดพร้าว 101 แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ และ นางสุกัญญา อายุ 39 ปี  ชาว จ.สมุทรปราการ ได้ที่หน้าโรงงานน้ำแข็ง แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ

 

พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2566 นางสุกัญญา นำสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 45.75 กรัม (หรือ 3 บาท) มาจำนำที่ร้านทองชื่อดัง ในห้างดังย่านแจ้งวัฒนะ ของผู้กล่าวหาเป็นคนรับจำนำทองดังกล่าว ได้ทำการตรวจสอบทองดังกล่าวแล้ว โดยวิธีการชั่งน้ำหนัก และสองดูเปอร์เซ็นต์ทองได้ความบริสุทธิ์ของทอง 96.5 เปอร์เซ็นต์ และได้ตรวจสอบตราส่งของร้านทองยี่ห้อหนึ่ง

 

จากนั้นผู้กล่าวหาได้นำหัวจรวดและตะขอไปฝนที่หินเพื่อตรวจสอบเปอร์เซ็นต์ทอง และเช็กการเคลือบทอง และหยดน้ำกรด น้ำเกลือ เพื่อตรวจสอบเปอร์เซ็นต์ทอง ก็เป็นปกติไม่ลอก ไม่เกิดปฏิกิริยาใดๆ ส่วนตัวสร้อยคอ ผู้กล่าวหาได้นำไปตะไบ และหยดด้วยน้ำกรดน้ำเกลือก็ไม่มีปฏิกิริยาเกิดขึ้น เชื่อได้ว่าเป็นทองแท้ ผู้กล่าวหาจึงได้ทำการรับจำนำไว้ในราคา 90,827 บาท ผู้กล่าวหาจึงได้ให้ผู้ต้องหาเซ็นเอกสาร ลงลายมือชื่อในตั๋วจำนำ และรับรองสำเนาบัตรประชาชนของผู้ต้องหา

 

จากนั้นผู้กล่าวหา จึงได้ทำการโอนเงินผ่านแอปพลิเคชั่น ชื่อบัญชี บริษัทผู้เสียหายในคดีนี้ ไปยังบัญชีธนาคาร ชื่อบัญชี นางสาวสุกัญญา เป็นเป็นเงินจำนวน 90,827 บาท ให้ผู้ต้องหาในคดีนี้ หลังจากนั้นเมื่อผู้ต้องหาได้รับเงินแล้วได้เดินออกจากร้านไป

สองสาวแสบ หลอกขายทองปลอม ใช้ตะขอ-ข้อต่อทองแท้ตบตาร้านทอง

ต่อมาผู้กล่าวหาได้รับแจ้งจากสำนักงานใหญ่ว่า กลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นกลุ่มมิจฉาชีพนำทองปลอมมาจำนำ ผู้กล่าวหาจึงได้ใช้ไฟเป่าทองที่รับจำนำดู ปรากฏว่า เมื่อใช้ไฟเป่าหัวจรวดหลุดออกจากตัวเส้นทอง เนื่องจากเป็นทองปลอม ใช้กาวเชื่อมติดไว้ หากเป็นทองจริงจะไม่หลุดออก เว้นแต่จะโดนความร้อนจนหลอมละลาย เมื่อทราบจึงได้รายงานหัวหน้า และรวบรวมพยานหลักฐาน มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องทากับพวก จนคดีจะถึงที่สุด

 

ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน รับสารภาพว่า ได้นำทองปลอม (ตะขอทองแท้)​ มาตระเวนหลอกขายทองปลอมหรือจำนำทองปลอมตามร้านทองทั่วกรุงเทพและพื้นที่ต่างจังหวัดจริง  โดยรับมาจากนายเบิร์ดไม่ทราบชื่อสกุลจริง ให้ช่วยนำทองหนัก 2 บาท 3 บาท ไปขาย ไปจำนำให้ ให้ค่าจ้างจากน้ำหนักทองบาทละ 5,000 บาท ซึ่งทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ อยู่ระหว่างขยายผลหาผู้บงการต่อไป จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาที่ 1 นำส่งไปยัง สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 ส่งพนักงานสอบสวน​ สภ.ปากเกร็ด ดำเนินคดีตามกฎหมาย​

 

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ กล่าวว่า ขอเตือนภัยผู้ประกอบการร้านค้าและประชาชน หลังจากพบการปลอมแปลงโลหะทองคำรูปแบบใหม่ และใช้วิธีนำข้อต่อทองแท้มาใส่ไว้ เพราะร้านทองจะตรวจสอบเบื้องต้นที่ตะขอเพียงอย่างเดียว จึงทำให้หลงเชื่อว่าเป็นทองแท้ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะสามารถตรวจสอบทองคำของเอกชนได้ ต่อเมื่อวัตถุพยานชิ้นนั้นเป็นคดีความทางอาญาหรือเป็นคดีทางแพ่งที่ศาลสั่งให้มีการตรวจสอบแล้วเท่านั้น ทั้งนี้ขอเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าขณะนี้มูลค่าทองคำบาทละกว่า 40,000 บาท การที่พี่น้องประชาชนจะไปซื้อทองคำและร้านทองที่รับซื้อทองโรงรับจำนำ ขอให้ไปซื้อที่ร้านที่มีชื่อเชื่อถือได้ และมีตราสมาคมผู้ค้าทองคำ

สองสาวแสบ หลอกขายทองปลอม ใช้ตะขอ-ข้อต่อทองแท้ตบตาร้านทอง