
ครั้งแรก จับหัวขโมยหางรถพ่วง เป็นตัวประกัน เรียกค่าเสียหายคู่กรณีเฉี่ยวชน
ตร.จับคนร้ายขโมยหางรถพ่วง อ้างเข้าใจผิดคิดว่า เป็นของรถบรรทุกคู่กรณี แค่เอาไปเป็นตัวประกันให้มาชดใช้ค่าเสียหาย
จากกรณีคนร้ายสวมหมวกปิดบังใบหน้า นุ่งกางเกงขาสั้น ได้ขับรถหัวลากปิดบังป้ายทะเบียน มาจอดหลังรถพ่วง
ก่อนที่ขับหัวลากไปพ่วง ต่อ กับหางลากจูงออกไป โดยขับไปตามเส้นทางถนนเพชรเกษมหาดใหญ่-รัตภูมิสายเก่า ผ่านสี่แยกท่าชะมวงพุ่งหน้าเข้าพื้นที่อ.ควนกาหลง จ.สตูล ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่รถพ่วงคันนี้ขับผ่าน ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นคืนวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา
25 ก.ย.2567 ตำรวจชุดปราบปรามโจรกรรมรถ สภ.หาดใหญ่ ร่วมกับชุดสืบสวน นำโดย พ.ต.อ.ภูมิ บาลทิพย์ ผกก.สภ.หาดใหญ่ พ.ต.ท.อนุวัฒน์ ฤทธิชัย รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.ธีรพงศ์ วิชิต สว.สส. ร.ต.อ.อานุสิทธิ์ เนียมแก้ว รอง สวป.หัวหน้าชุดปราบปรามโจรกรรมรถ สภ.หาดใหญ่ สามารถตามแกะรอย และสืบสวนจนสามารถติดตามหางรถพ่วงคันนี้ได้แล้ว เป็นหางพ่วงสีเขียว ทะเบียนสงขลา
โดยพบถูกนำไปฝากไว้ในลานจอดบริเวณที่ดินว่างในป่าละเมาะ พื้นที่ ต.ควนโดน อ.ควนโดน จ.สตูล ซึ่งลากหนีไปไกลจาดจุกเกิดเหตุ เป็นระยะทางราว 80 กิโลเมตร
ต่อมาเจ้าหน้าที่ สามารถติดตามจับผู้ก่อเหตุได้ ทราบชื่อ นายวรวุฒิ (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี เป็นชาวต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พร้อมกับรถบรรทุกหัวลาก ทะเบียนสงขลา ซึ่งเป็นรถ ที่ขับมาขโมยหางพ่วง และได้นำตัวมาสวบสวนที่สภ.หาดใหญ่ โดย นายวรวุฒิ ผู้ก่อเหตุอ้างว่า ไม่ได้ตั้งใจขโมยหางพ่วงคันนี้ แต่เข้าใจผิด คิดว่าเป็นหางของรถพ่วงอีกคันที่เคยขับปาดหน้าพ่วงตน และเกิดการเฉี่ยวชนกันเมื่อเดือนก่อน ซึ่งเป็นรถพ่วงสีเขียว และเคยเห็นว่า จอดอยู่แถวๆ ต.ควนลังเป็นประจำ
นายวรวุฒิ กล่าวว่า ในคืนนั้น ตน ขับรถผ่านมาเห็น หางพ่วงคันนี้ จอดอยู่ ซึ่งเป็นสีเขียวเหมือนกัน จึงคิดว่าเป็นรถของคู่กรณี จึงลากขับไปฝากไว้ที่อ.ควนโดน จ.สตูล ก็แค่ต้องการใช้เป็นตัวประกัน เพื่อให้คู่กรณีที่ขับปาดหน้าตน มาเซ็นประกันเพื่อชดใช้ค่าเสียหายเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะขโมย หากคู่กรณีแสดงความรับผิดชอบแล้วก็จะขับมาคืนให้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งข้อหาลักทรัพย์ (รถกึ่งพ่วง) ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่กการกระทำผิดหรือเพื่อพาทรัพย์นั้นไปและเพื่อให้พ้นการจับกุมหรือรับของโจร
ด้าน นายปิยวัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถพ่วงคันที่ห่างรถพ่วงถูกขโมยไป กล่าวว่า ตน จอดหางพ่วงไว้ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย.67 ที่ผ่านมา เพราะว่า จะนำรถพ่วงเข้าไปซ่อมในอู่ มาทราบอีกทีวันที่ 21ก.ย. 67 ว่า หางพ่วง ที่จอดไว้หายไป ทีแรกคิดว่า เพื่อนที่ขับรถอยู่บริษัทเดียวกันมาลากกลับไปใช้ แต่พอถามไม่มีใครรู้เรื่อง พอดูภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่า ไม่ใช่เพื่อนที่ขับรถอยู่ด้วยกัน แต่เป็นการมาขโมยหางพ่วงพ่วง
ผู้เสียหาย กล่าวด้วยว่า หลังจากที่ หางพ่วงหาย ตน เกือบตกงาน ซึ่งหากตำรวจ ติดตามคืนมาไม่ได้ต้องเสียรายได้ไปกว่า 1 หมื่นบาท และนี่เป็นครั้งแรกในวงการรถพ่วง ที่มีการขโมยหางพ่วง ซึ่งที่ผ่านมาจะมีก็แค่ขโมยแบตเตอรี่ขโมยน้ำมัน หรือขโมยอะไหล่เท่านั้น