เร่งไขปม หนุ่มใหญ่นอนจมกองเลือด ดับปริศนาคาบ้าน | คมชัดลึก

12 ก.ย. 2567 เวลา 13.00 น. ร.ต.อ. ไพฑูลย์ พวงจินดา รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ห้วยขะยุง อ.วารินชำราบ รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 อุบลราชธานี มีผู้พบศพชายนอนเปลือย และมีเลือดออกบริเวณใบหน้า เสียชีวิตอยู่บ้านราษฏร์เจริญ ม.10 ต.ท่าลาด อ.วารินชำราบ หลังรับแจ้งประสานชุดสืบสวนสวน แพทย์เวร รพ.วารินชำราบ เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบูชาธรรมเข้าตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณประตูครัวหลังบ้านหลังหนึ่ง ใน ม.10 พบร่างของนายอดุลย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี สภาพศพนอนคว่ำหน้าไม่สวมเสื้อผ้า มีเลือดออกบริเวณปากและจมูกจำนวนมาก  บริเวณรูทวารและฝ่าเท้ามีคราบเลือดติดอยู่ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 8-10 ชั่วโมง ตรวจสอบภายในบ้านพบกางเกงขาสั้น และกางเกงในเปื้อนเลือด คาดว่าจะเป็นของนายอดุลย์ถูกกอดกองไว้กลางห้องโถง พบกองเลือดกระจายทั่วห้อง ยาวไปจนถึงครัวด้าน

หลังจุดที่พบร่างนายอดุลย์ และพบยา รักษาซึมเศร้า นอนไม่หลับ 50 mg และ ริสเพอริโดน (เป็นยาในกลุ่มรักษาอาการทางจิต) เปื้อนเลือดตกอยู่จำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงได้ถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน

สอบถามนายหนูกาญ  (สงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี ผู้พบศพคนแรกเปิดเผยว่า ตนเป็นเพื่อนกับนายอดุลย์ที่อยู่บ้านตรงข้าม จะไปมาหาหาสู่กันเป็นประจำ เมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ตนเห็นรถของนายอดุลย์จอดอยู่หน้าบ้าน ซึ่งจอดไว้ตั้งแต่เมื่อวานเย็น จึงได้มาเรียกนายอดุลย์ เพื่อไปทานข้าวด้วยกัน พอเปิดประตูบ้านพบว่ามีกองเลือดกระจายอยู่ทั่วห้อง จึงได้เดินตามหา พบนายอดุลย์นอนเปลือยเสียชีวิต จึงได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

นายหนูกาญยังบอกอีกว่า ตอนที่ตนมาเห็นตนรู้สึกตกใจที่เห็นกองเลือดกระจายเต็มบ้าน แต่นายอดุลย์เองไม่เคยมีเรื่องหรือศัตรูที่ไหน แต่ที่ผ่านมาหลายเดือนก่อน นายอดุลย์เคยจะว่าจ้างให้ตนไปตามทวงหนี้จากเพื่อนบ้านให้ แต่ตนปฎิเสธไม่ได้ดำเนินการให้ แต่ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นสาเหตุหรือไม่อย่างไร

จากการสอบสวนนางสาวเอ นามสมมุติ น้องสาวนายอดุลย์ ทราบว่านายอดุลย์เองไม่มีศัตรูที่จะมาทำร้ายแน่นอน แต่นายอดุลย์มีโรคประจำตัวเป็นโรคติดแอลกอฮอล์ และโรคตับ ส่วนเรื่องมีคนมายืมเงินตนไม่ทราบ การตายของนายอดุลย์ ตนเองและญาติไม่ติดใจคาดว่าจะเป็นเพราะโรคประจำตัว

ขณะที่แพทย์ลงความเห็นเบื้องต้นว่า เลือดที่พบน่าจะออกมาจากการอาเจียน และถ่ายเป็นเลือด ไม่ทบร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตามเพื่อความชัดเจน ขอส่งร่างของนายอดุลย์ไปแผนกนิติเวชโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี เพื่อชันสูตรหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง